ล้างจมูกให้ถูกวิธีง่ายนิดเดียว

ทำไมถึงต้องล้างจมูก

     การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ จะทำให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่งขึ้น จากการชำระล้างเอาสิ่งสกปรกที่เกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัสออกไป หลังจากล้างจมูกเรียบร้อยแล้ว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกมาข้างนอกและไหลลงคอจะบรรเทาลง อาการคัดจมูกก็จะน้อยลง อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้ และสารที่เกิดจากปฎิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ได้อีกด้วย  นอกจากนี้ การล้างจมูกก่อนพ่นยาในจมูกทุกครั้ง ยังทำให้ยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้น จึงออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นอีกด้วย

9 ขั้นตอนง่ายๆ ของการล้างจมูก

1. อุ่นน้ำเกลือก่อนล้างจมูกเสมอ โดยอุ่นให้มีอุณหภูมิพอเหมาะกับเยื่อบุจมูก แล้วนำน้ำเกลือนั้นออกมาเทใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชามขนาดพอประมาณ เพื่อเตรียมล้างจมูกต่อไป หากไม่ใช้วิธีอุ่นในน้ำเดือด อาจทำการอุ่นในไมโครเวฟได้เช่นกัน

2. ใช้กระบอกฉีดยาที่แพทย์จ่ายให้ ดูดน้ำเกลือซึ่งทำการอุ่นจนได้ที่แล้วในปริมาณน้อยๆ ประมาณ 10-15 ซีซี สำหรับผู้ใหญ่ และปริมาณ 5 ซีซี สำหรับเด็ก

3. ผู้ที่จะล้างจมูกควรนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า และก้มหน้าเล็กน้อยให้อยู่เหนือภาชนะรองรับน้ำเกลือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหรืออยู่เหนืออ่างล้างหน้า ควรเริ่มล้างจมูกข้างที่โล่งกว่าหรือจมูกข้างที่คัดน้อยกว่าก่อน

4. นำปลายกระบอกฉีดยาใส่เข้าไปในจมูกข้างที่จะล้างเล็กน้อย อ้าปากไว้แล้วหายใจเข้าเต็มที่แล้วกลั้นหายใจไว้

5. ดันกระบอกสูบของกระบอกฉีดยาเบาๆ ให้น้ำเกลือไหลเข้าไปในจมูกช้าๆ หลังจากที่น้ำเกลือส่วนใหญ่ออกมาจากจมูกหรือปากแล้ว จึงจะหายใจตามปกติได้ ข้อสำคัญ คือ ระหว่างที่น้ำเกลือเข้าปากไปในโพรงจมูก จะต้องกลั้นหายใจไว้ มิฉะนั้นอาจสำลักได้

#ศูนย์โรคภูมิแพ้ #โรงพยาบาลศิริราช  ปิยมหาราชการุณย์ #ล้างจมูกให้ลูก #ล้างจมูกให้ลูกอันตรายไหม #ล้างจมูกให้ลูกดีไหม #ล้างจมูกให้ลูกครั้งแรก #ล้างจมูกให้ลูกน้อย #ล้างจมูกอันตรายหรือไม่ #ล้างจมูก หายหวัด #ล้างจมูก ศิริราช #วิธีล้างจมูก น้ำเกลือ

6. ควรดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกทุกทิศทาง เช่น ทางขวา ทางซ้าย ด้านบน และด้านล่างของโพรงจมูก เพื่อชะล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกให้สามารถออกมามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงจะเป็นการล้างจมูกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้สังเกตว่าหลังจากฉีดล้างโพรงจมูกข้างใดข้างหนึ่งแล้ว ควรจะมีน้ำเกลือไหลออกมาจากโพรงจมูกอีกข้าง  นอกจากนี้ปริมาณของน้ำเกลือที่ใช้ล้างในแต่ครั้ง และความแรงของน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปต้องเพียงพอ ควรล้างโพรงจมูกสลับข้างไปมา

7. ในการล้างจมูกแต่ละครั้งควรล้างจนกว่าจะรู้สึกว่าจมูกโล่ง ไม่มีน้ำมูก หรือสิ่งสกปรกอื่นใดคั่งค้างในจมูก และควรล้างจนกว่าน้ำเกลือที่ออกมาจากจมูกและปากเหมือนกับน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปในโพรงจมูก จึงจะหยุดได้

8. หลังการล้างจมูก สามารถสั่งน้ำมูกหรือน้ำเกลือที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกได้ตามปกติ และสามารถบ้วนน้ำเกลือและน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอรวมทั้งเสมหะในคอออกมาได้ โดยการล้างจมูกสามารถทำได้บ่อยๆ เพราะไม่ทำให้เกิดโทษ ดังนั้น จึงควรล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก

9. หลังล้างจมูกเสร็จทุกครั้ง ควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด

 ชมคลิป "การล้างจมูกให้ถูกวิธี" ได้ที่นี่ 

สอบถามช้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์โรคภูมิแพ้ ชั้น 3 โซน D

 

ทำไมถึงต้องล้างจมูก

     การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ จะทำให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่งขึ้น จากการชำระล้างเอาสิ่งสกปรกที่เกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัสออกไป หลังจากล้างจมูกเรียบร้อยแล้ว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกมาข้างนอกและไหลลงคอจะบรรเทาลง อาการคัดจมูกก็จะน้อยลง อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้ และสารที่เกิดจากปฎิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ได้อีกด้วย  นอกจากนี้ การล้างจมูกก่อนพ่นยาในจมูกทุกครั้ง ยังทำให้ยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้มากขึ้น จึงออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นอีกด้วย

9 ขั้นตอนง่ายๆ ของการล้างจมูก

1. อุ่นน้ำเกลือก่อนล้างจมูกเสมอ โดยอุ่นให้มีอุณหภูมิพอเหมาะกับเยื่อบุจมูก แล้วนำน้ำเกลือนั้นออกมาเทใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชามขนาดพอประมาณ เพื่อเตรียมล้างจมูกต่อไป หากไม่ใช้วิธีอุ่นในน้ำเดือด อาจทำการอุ่นในไมโครเวฟได้เช่นกัน

2. ใช้กระบอกฉีดยาที่แพทย์จ่ายให้ ดูดน้ำเกลือซึ่งทำการอุ่นจนได้ที่แล้วในปริมาณน้อยๆ ประมาณ 10-15 ซีซี สำหรับผู้ใหญ่ และปริมาณ 5 ซีซี สำหรับเด็ก

3. ผู้ที่จะล้างจมูกควรนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า และก้มหน้าเล็กน้อยให้อยู่เหนือภาชนะรองรับน้ำเกลือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหรืออยู่เหนืออ่างล้างหน้า ควรเริ่มล้างจมูกข้างที่โล่งกว่าหรือจมูกข้างที่คัดน้อยกว่าก่อน

4. นำปลายกระบอกฉีดยาใส่เข้าไปในจมูกข้างที่จะล้างเล็กน้อย อ้าปากไว้แล้วหายใจเข้าเต็มที่แล้วกลั้นหายใจไว้

5. ดันกระบอกสูบของกระบอกฉีดยาเบาๆ ให้น้ำเกลือไหลเข้าไปในจมูกช้าๆ หลังจากที่น้ำเกลือส่วนใหญ่ออกมาจากจมูกหรือปากแล้ว จึงจะหายใจตามปกติได้ ข้อสำคัญ คือ ระหว่างที่น้ำเกลือเข้าปากไปในโพรงจมูก จะต้องกลั้นหายใจไว้ มิฉะนั้นอาจสำลักได้

#ศูนย์โรคภูมิแพ้ #โรงพยาบาลศิริราช  ปิยมหาราชการุณย์ #ล้างจมูกให้ลูก #ล้างจมูกให้ลูกอันตรายไหม #ล้างจมูกให้ลูกดีไหม #ล้างจมูกให้ลูกครั้งแรก #ล้างจมูกให้ลูกน้อย #ล้างจมูกอันตรายหรือไม่ #ล้างจมูก หายหวัด #ล้างจมูก ศิริราช #วิธีล้างจมูก น้ำเกลือ

6. ควรดันน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกทุกทิศทาง เช่น ทางขวา ทางซ้าย ด้านบน และด้านล่างของโพรงจมูก เพื่อชะล้างน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกให้สามารถออกมามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงจะเป็นการล้างจมูกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้สังเกตว่าหลังจากฉีดล้างโพรงจมูกข้างใดข้างหนึ่งแล้ว ควรจะมีน้ำเกลือไหลออกมาจากโพรงจมูกอีกข้าง  นอกจากนี้ปริมาณของน้ำเกลือที่ใช้ล้างในแต่ครั้ง และความแรงของน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปต้องเพียงพอ ควรล้างโพรงจมูกสลับข้างไปมา

7. ในการล้างจมูกแต่ละครั้งควรล้างจนกว่าจะรู้สึกว่าจมูกโล่ง ไม่มีน้ำมูก หรือสิ่งสกปรกอื่นใดคั่งค้างในจมูก และควรล้างจนกว่าน้ำเกลือที่ออกมาจากจมูกและปากเหมือนกับน้ำเกลือที่ฉีดเข้าไปในโพรงจมูก จึงจะหยุดได้

8. หลังการล้างจมูก สามารถสั่งน้ำมูกหรือน้ำเกลือที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกได้ตามปกติ และสามารถบ้วนน้ำเกลือและน้ำมูกส่วนที่ไหลลงคอรวมทั้งเสมหะในคอออกมาได้ โดยการล้างจมูกสามารถทำได้บ่อยๆ เพราะไม่ทำให้เกิดโทษ ดังนั้น จึงควรล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หรือหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอาเจียนหรือสำลัก

9. หลังล้างจมูกเสร็จทุกครั้ง ควรล้างอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด

 ชมคลิป "การล้างจมูกให้ถูกวิธี" ได้ที่นี่ 

สอบถามช้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์โรคภูมิแพ้ ชั้น 3 โซน D

 


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง