แมมโมแกรม ตรวจเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย

มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร?

     เกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ที่อยู่ภายในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม อาจแพร่กระจายไปตามทางเดินน้ำเหลืองสู่อวัยวะใกล้เคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ และสามารถแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ปอด ตับ และสมอง

การตรวจ “แมมโมแกรม” ดีอย่างไร?

     การตรวจ “แมมโมแกรม” (Mammogram) เป็นการตรวจทางรังสีชนิดพิเศษ คล้ายการตรวจเอกซเรย์ มีประสิทธิภาพในการตรวจมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ทำให้การรักษาได้ผลดี และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้หญิงจากการเป็นมะเร็งเต้านม การตรวจแมมโมแกรมจึงเป็นวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถตรวจพบหินปูนที่มีลักษณะผิดปกติในเต้านม หรือรอยโรคที่มีขนาดเล็กได้ ใช้เวลาตรวจเพียง 30 นาที และไม่ต้องงดน้ำ หรืออาหารก่อนเข้ารับการตรวจอีกด้วย

อัลตราซาวนด์เต้านม ร่วมด้วยดีอย่างไร?

     การตรวจอัลตราซาวนด์ควบคู่กับแมมโมแกรมจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น การตรวจอัลตราซาวนด์เป็นการใช้คลื่นความถี่สูงผ่านเข้าไปในเนื้อเต้านม เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับเนื้อเยื่อต่างๆ จะสะท้อนกลับมาเกิดเป็นสภาพที่เครื่องตรวจ ทำให้สามารถดูองค์ประกอบได้ว่า สิ่งแปลกปลอมในเต้านมนั้นเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ โดยเฉพาะกรณี ผู้ที่มีเนื้อเต้านมแน่น เช่น ในผู้หญิงอายุน้อย แต่การอัลตราซาวนด์ไม่สามารถแทนที่การตรวจแมมโมแกรมได้ เพราะไม่สามารถตรวจพบหินปูนได้

#ศูนย์มะเร็ง #โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ #แมมโมแกรม #แมมโมแกรมคืออะไร #ตรวจแมมโมแกรมเจ็บหรือไม่ #อายุที่ควรตรวจแมมโมแกรม #มะเร็งเต้านม #ตรวจมะเร็งเต้านม #เตรียมตัวก่อนตรวจมะเร็งเต้านม

ใครควรตรวจแมมโมแกรมบ้าง?

  1. ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ขึ้นไป ควรเริ่มตรวจเป็นประจำทุกปี
  2. ในกรณีที่บุคคลในครอบครัวมีประวัติสายตรงป่วยเป็นมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจำเดือน ควรเริ่มตรวจเร็วขึ้นตั้งแต่อายุ 30 ปี
  3. บุคคลที่มีประวัติตรวจยีนผิดปกติ (Gene mutation) ได้แก่ ยีน BRCA1 และ BRCA2 หรือมีญาติสายตรงที่ตรวจพบยีนผิดปกติให้เริ่มตรวจเป็นประจำทุกปีตั้งแต่อายุ 25 ปี
  4. บุคคลที่มีประวัติฉายแสงบริเวณทรวงอก ขณะอายุ 10-30 ปี ให้เริ่มตรวจเป็นประจำทุกปี หลังจากได้รับการฉายแสงเสร็จสิ้นแล้ว 8 ปี (แต่อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี)
  5. บุคคลที่คลำพบก้อนเนื้อ มีเลือดออกที่หัวนม หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ที่เต้านม
  6. บุคคลที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในเต้านม เพื่อติดตามผลการรักษา

การเตรียมตัวก่อนตรวจแมมโมแกรม

  1. รับประทานอาหาร และดื่มน้ำได้ตามปกติ โดยใช้เวลาตรวจทั้งสิ้นประมาณ 30 นาที
  2. ห้ามทาโลชั่น แป้งฝุ่น บริเวณเต้านมและรักแร้ รวมถึงยาและสเปรย์ระงับกลิ่นตัว
  3. แต่งกายด้วยชุดแบบ 2 ชิ้น (ท่อนบน-ล่าง) เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อผ้า
  4. หากเคยตรวจแมมโมแกรมมาก่อน ควรนำผลตรวจภาพแมมโมแกรมเดิม เพื่อมาเปรียบเทียบดูความเปลี่ยนแปลง
  5. หากมีอาการผิดปกติของเต้านม ควรแจ้งให้รังสีแพทย์ที่ทำการตรวจทราบ

ขั้นตอนการตรวจแมมโมแกรม

  1. นักรังสีเทคนิคการแพทย์จะใช้อุปกรณ์บีบเต้านมเข้าหากันแล้วทำการถ่ายภาพเอกซเรย์เต้านมข้างละ 2 รูป
  2. กรณีพบจุดสงสัย อาจมีการถ่ายรูปเพิ่มเพื่อความชัดเจน
  3. แพทย์จะพิจารณาตรวจด้วยอัลตราซาวด์ร่วมด้วยในบางราย
  4. แมมโมแกรมควรตรวจเป็นประจำทุกปี หรือหากพบความผิดปกติ แพทย์จะพิจารณานัดตรวจเพื่อติดตามผลเป็นประจำทุก 3 - 6 เดือน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์มะเร็ง ชั้น 1 โซน E

มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร?

     เกิดจากการแบ่งตัวผิดปกติของเซลล์ที่อยู่ภายในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม อาจแพร่กระจายไปตามทางเดินน้ำเหลืองสู่อวัยวะใกล้เคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ และสามารถแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ปอด ตับ และสมอง

การตรวจ “แมมโมแกรม” ดีอย่างไร?

     การตรวจ “แมมโมแกรม” (Mammogram) เป็นการตรวจทางรังสีชนิดพิเศษ คล้ายการตรวจเอกซเรย์ มีประสิทธิภาพในการตรวจมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ทำให้การรักษาได้ผลดี และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้หญิงจากการเป็นมะเร็งเต้านม การตรวจแมมโมแกรมจึงเป็นวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถตรวจพบหินปูนที่มีลักษณะผิดปกติในเต้านม หรือรอยโรคที่มีขนาดเล็กได้ ใช้เวลาตรวจเพียง 30 นาที และไม่ต้องงดน้ำ หรืออาหารก่อนเข้ารับการตรวจอีกด้วย

อัลตราซาวนด์เต้านม ร่วมด้วยดีอย่างไร?

     การตรวจอัลตราซาวนด์ควบคู่กับแมมโมแกรมจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น การตรวจอัลตราซาวนด์เป็นการใช้คลื่นความถี่สูงผ่านเข้าไปในเนื้อเต้านม เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับเนื้อเยื่อต่างๆ จะสะท้อนกลับมาเกิดเป็นสภาพที่เครื่องตรวจ ทำให้สามารถดูองค์ประกอบได้ว่า สิ่งแปลกปลอมในเต้านมนั้นเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ โดยเฉพาะกรณี ผู้ที่มีเนื้อเต้านมแน่น เช่น ในผู้หญิงอายุน้อย แต่การอัลตราซาวนด์ไม่สามารถแทนที่การตรวจแมมโมแกรมได้ เพราะไม่สามารถตรวจพบหินปูนได้

#ศูนย์มะเร็ง #โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ #แมมโมแกรม #แมมโมแกรมคืออะไร #ตรวจแมมโมแกรมเจ็บหรือไม่ #อายุที่ควรตรวจแมมโมแกรม #มะเร็งเต้านม #ตรวจมะเร็งเต้านม #เตรียมตัวก่อนตรวจมะเร็งเต้านม

ใครควรตรวจแมมโมแกรมบ้าง?

  1. ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ขึ้นไป ควรเริ่มตรวจเป็นประจำทุกปี
  2. ในกรณีที่บุคคลในครอบครัวมีประวัติสายตรงป่วยเป็นมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจำเดือน ควรเริ่มตรวจเร็วขึ้นตั้งแต่อายุ 30 ปี
  3. บุคคลที่มีประวัติตรวจยีนผิดปกติ (Gene mutation) ได้แก่ ยีน BRCA1 และ BRCA2 หรือมีญาติสายตรงที่ตรวจพบยีนผิดปกติให้เริ่มตรวจเป็นประจำทุกปีตั้งแต่อายุ 25 ปี
  4. บุคคลที่มีประวัติฉายแสงบริเวณทรวงอก ขณะอายุ 10-30 ปี ให้เริ่มตรวจเป็นประจำทุกปี หลังจากได้รับการฉายแสงเสร็จสิ้นแล้ว 8 ปี (แต่อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี)
  5. บุคคลที่คลำพบก้อนเนื้อ มีเลือดออกที่หัวนม หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ที่เต้านม
  6. บุคคลที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในเต้านม เพื่อติดตามผลการรักษา

การเตรียมตัวก่อนตรวจแมมโมแกรม

  1. รับประทานอาหาร และดื่มน้ำได้ตามปกติ โดยใช้เวลาตรวจทั้งสิ้นประมาณ 30 นาที
  2. ห้ามทาโลชั่น แป้งฝุ่น บริเวณเต้านมและรักแร้ รวมถึงยาและสเปรย์ระงับกลิ่นตัว
  3. แต่งกายด้วยชุดแบบ 2 ชิ้น (ท่อนบน-ล่าง) เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อผ้า
  4. หากเคยตรวจแมมโมแกรมมาก่อน ควรนำผลตรวจภาพแมมโมแกรมเดิม เพื่อมาเปรียบเทียบดูความเปลี่ยนแปลง
  5. หากมีอาการผิดปกติของเต้านม ควรแจ้งให้รังสีแพทย์ที่ทำการตรวจทราบ

ขั้นตอนการตรวจแมมโมแกรม

  1. นักรังสีเทคนิคการแพทย์จะใช้อุปกรณ์บีบเต้านมเข้าหากันแล้วทำการถ่ายภาพเอกซเรย์เต้านมข้างละ 2 รูป
  2. กรณีพบจุดสงสัย อาจมีการถ่ายรูปเพิ่มเพื่อความชัดเจน
  3. แพทย์จะพิจารณาตรวจด้วยอัลตราซาวด์ร่วมด้วยในบางราย
  4. แมมโมแกรมควรตรวจเป็นประจำทุกปี หรือหากพบความผิดปกติ แพทย์จะพิจารณานัดตรวจเพื่อติดตามผลเป็นประจำทุก 3 - 6 เดือน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์มะเร็ง ชั้น 1 โซน E


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง