เครื่องสำอาง สาเหตุหนึ่งของผื่นแพ้สัมผัส

ผื่นแพ้สัมผัส และอาการผื่นแดงบนใบหน้า (Red face syndrome) มีลักษณะเป็นผื่นแดงเล็กๆ คล้ายผด อาจมีอาการแสบคัน ระคายเคือง ไวต่อแสงแดดและเหงื่อ ปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่มีความเสี่ยงพบอาการผื่นแดงบนใบหน้าสูง เนื่องจากผู้หญิงมีการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยู่เป็นประจำ และมักเป็นสาเหตุที่เกิดผื่นแดงบนใบหน้า

ลักษณะผื่นแดงที่พบบ่อย

1. ผื่นผิวหนังอักเสบ

  เป็นผื่นแดงคัน มีขุยสีเหลืองเป็นมัน มักพบบริเวณข้างจมูก คิ้ว ใบหู และหนังศีรษะที่มีรังแค

2. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

  ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีผิวแห้ง มีผื่นแดง คันบริเวณหน้า คอ ข้อพับของแขนและขา มักพบในผู้ป่วยที่มีประวัติกรรมพันธุ์เป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ คันตา หอบหืด เป็นต้น

3. ผื่นแพ้สัมผัส

  มีลักษณะระคายเคืองเกิดจากผิวหน้าคันอักเสบบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้ เช่น เครื่องสำอาง ส่วนมากมักเกิดอาการหลังใช้เครื่องสำอางหรือสารที่แพ้ประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน

4. ผื่นระคายสัมผัส

  เกิดจากผิวหนังสัมผัสสารที่มีฤทธิ์ระคาย มีอาการบวมแดงร่วมด้วย จะเกิดขึ้นเฉพาะจุดที่โดนหรือสัมผัส และอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบ เป็นกรดวิตามินเอ กรดผลไม้ หรือสารที่มีฤทธิ์ลอกผิวต่อเนื่องเป็นเวลานาน

5. ผื่นสัมผัสจากสารร่วมกับแสง

  มีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ครีมกันแดด น้ำหอมร่วมกับโดนแสงแดด ซึ่งจะพบผื่นอักเสบได้บริเวณที่ได้รับแสงนอกร่มผ้า เช่น ใบหน้า หน้าอก แขน

6. ผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก

  มีลักษณะเป็นผื่นแดง ตุ่มแดง ตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง พบบ่อยรอบริมฝีปาก

7. ผื่นผิวหนังอักเสบชนิด Rosacea

  พบมากในคนผิวขาว จะมีอาการหน้าแดง ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง หลอดเลือดฝอยขยายที่บริเวณใบหน้า และเคยมีอาการเป็นผื่นมากขึ้นเมื่อโดนความร้อน แสงแดด มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

8. สิว

  ผู้ที่เป็นสิวมักมีผิวมัน พบสิวบนใบหน้าได้หลายรูปแบบ เช่น ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง ถุงใต้ผิวหนัง หรือพบเป็นสิวหัวเปิดมีจุดดำตรงกลาง

9. ผื่นผิวหนังจากสารก่อภูมิแพ้

  ผู้ที่มีผิวหนังบาง และหลอดเลือดฝอยขยายจากยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ มักเกิดจากการทา หรือกินยาที่มีส่วนประกอบของคอร์ติโคสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

#ศูนย์ผิวหนัง #โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ #ผื่นแพ้สัมผัส #ผื่นแดง #ผื่นแดงบนใบหน้า #ผื่นแดงเล็กๆ #แพ้เครื่องสำอาง #ผื่นขึ้นหน้า #แสบคันใบหน้า #ระคายเคืองผิวหน้า #ผิวหนังอักเสบ #ภูมิแพ้ผิวหนัง #ผิวหนังอักเสบรอบปาก #Red Face Syndrome

ตัวการที่ทำให้เกิดผื่นแดงบนใบหน้า

1. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับใบหน้า เช่น ครีมบำรุงผิวหน้า สบู่ล้างหน้า เครื่องสำอาง ซึ่งมีส่วนประกอบของสารกันเสีย น้ำหอม สารลาโนลิน สารที่ทำให้เกิดฟอง ซึ่งเป็นสาเหตุของผื่นแพ้

2. แชมพูสระผมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กับเส้นผม

3. โลหะ และแผ่นยางที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง เช่น โลหะในถาดแป้ง ขอบแปรง ที่ดัดขนตาแผ่นยางที่ใช้เป็นพัฟทาหน้า

4. สารก่อผื่นแพ้ที่มากับการสัมผัสจากมือ เช่น โลหะ นิกเกิล ทอง สารในยาทาเล็บ เป็นต้น

ข้อแนะนำสำหรับผู้มีผื่นแดงบนในหน้า

1. หยุดใช้เครื่องสำอางและสารที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุของผื่นแพ้ทันที

2. ไม่ควรซื้อยามาทาเอง ควรมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A

ผื่นแพ้สัมผัส และอาการผื่นแดงบนใบหน้า (Red face syndrome) มีลักษณะเป็นผื่นแดงเล็กๆ คล้ายผด อาจมีอาการแสบคัน ระคายเคือง ไวต่อแสงแดดและเหงื่อ ปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่มีความเสี่ยงพบอาการผื่นแดงบนใบหน้าสูง เนื่องจากผู้หญิงมีการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยู่เป็นประจำ และมักเป็นสาเหตุที่เกิดผื่นแดงบนใบหน้า

ลักษณะผื่นแดงที่พบบ่อย

1. ผื่นผิวหนังอักเสบ

  เป็นผื่นแดงคัน มีขุยสีเหลืองเป็นมัน มักพบบริเวณข้างจมูก คิ้ว ใบหู และหนังศีรษะที่มีรังแค

2. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

  ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีผิวแห้ง มีผื่นแดง คันบริเวณหน้า คอ ข้อพับของแขนและขา มักพบในผู้ป่วยที่มีประวัติกรรมพันธุ์เป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ คันตา หอบหืด เป็นต้น

3. ผื่นแพ้สัมผัส

  มีลักษณะระคายเคืองเกิดจากผิวหน้าคันอักเสบบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้ เช่น เครื่องสำอาง ส่วนมากมักเกิดอาการหลังใช้เครื่องสำอางหรือสารที่แพ้ประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน

4. ผื่นระคายสัมผัส

  เกิดจากผิวหนังสัมผัสสารที่มีฤทธิ์ระคาย มีอาการบวมแดงร่วมด้วย จะเกิดขึ้นเฉพาะจุดที่โดนหรือสัมผัส และอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบ เป็นกรดวิตามินเอ กรดผลไม้ หรือสารที่มีฤทธิ์ลอกผิวต่อเนื่องเป็นเวลานาน

5. ผื่นสัมผัสจากสารร่วมกับแสง

  มีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ครีมกันแดด น้ำหอมร่วมกับโดนแสงแดด ซึ่งจะพบผื่นอักเสบได้บริเวณที่ได้รับแสงนอกร่มผ้า เช่น ใบหน้า หน้าอก แขน

6. ผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก

  มีลักษณะเป็นผื่นแดง ตุ่มแดง ตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง พบบ่อยรอบริมฝีปาก

7. ผื่นผิวหนังอักเสบชนิด Rosacea

  พบมากในคนผิวขาว จะมีอาการหน้าแดง ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง หลอดเลือดฝอยขยายที่บริเวณใบหน้า และเคยมีอาการเป็นผื่นมากขึ้นเมื่อโดนความร้อน แสงแดด มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

8. สิว

  ผู้ที่เป็นสิวมักมีผิวมัน พบสิวบนใบหน้าได้หลายรูปแบบ เช่น ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง ถุงใต้ผิวหนัง หรือพบเป็นสิวหัวเปิดมีจุดดำตรงกลาง

9. ผื่นผิวหนังจากสารก่อภูมิแพ้

  ผู้ที่มีผิวหนังบาง และหลอดเลือดฝอยขยายจากยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ มักเกิดจากการทา หรือกินยาที่มีส่วนประกอบของคอร์ติโคสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

#ศูนย์ผิวหนัง #โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ #ผื่นแพ้สัมผัส #ผื่นแดง #ผื่นแดงบนใบหน้า #ผื่นแดงเล็กๆ #แพ้เครื่องสำอาง #ผื่นขึ้นหน้า #แสบคันใบหน้า #ระคายเคืองผิวหน้า #ผิวหนังอักเสบ #ภูมิแพ้ผิวหนัง #ผิวหนังอักเสบรอบปาก #Red Face Syndrome

ตัวการที่ทำให้เกิดผื่นแดงบนใบหน้า

1. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับใบหน้า เช่น ครีมบำรุงผิวหน้า สบู่ล้างหน้า เครื่องสำอาง ซึ่งมีส่วนประกอบของสารกันเสีย น้ำหอม สารลาโนลิน สารที่ทำให้เกิดฟอง ซึ่งเป็นสาเหตุของผื่นแพ้

2. แชมพูสระผมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กับเส้นผม

3. โลหะ และแผ่นยางที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง เช่น โลหะในถาดแป้ง ขอบแปรง ที่ดัดขนตาแผ่นยางที่ใช้เป็นพัฟทาหน้า

4. สารก่อผื่นแพ้ที่มากับการสัมผัสจากมือ เช่น โลหะ นิกเกิล ทอง สารในยาทาเล็บ เป็นต้น

ข้อแนะนำสำหรับผู้มีผื่นแดงบนในหน้า

1. หยุดใช้เครื่องสำอางและสารที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุของผื่นแพ้ทันที

2. ไม่ควรซื้อยามาทาเอง ควรมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง