Pulsed Dye Laser เทคโนโลยีคืนความแข็งแรงให้ผิว

   สิวที่ว่าหายยาก “รอยแดง” หลังสิวหายรักษายากกว่า อาการรอยแดงจากสิวมักเกิดจากสิวที่อักเสบรุนแรง การบีบหรือแกะสิว รอยแดงเหล่านี้เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดบริเวณนั้นๆ ซึ่งไม่สามารถหายเองได้ หรือแม้แต่การทายาก็ไม่สามารถรักษาให้หายสนิทได้เช่นกัน

Pulsed Dye Laser: เลเซอร์ลบรอยแดงจากสิว

เป็นเลเซอร์ชนิดที่มีความยาวคลื่น 585-595 นาโนเมตร เลเซอร์ชนิดนี้จะปล่อยพลังงานแสงที่มีค่าพลังงานในช่วงความยาวคลื่นที่สามารถถูกดูดเข้าไปในเม็ดเลือด เมื่อเม็ดเลือดดูดพลังงงานแสงเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำให้เกิดการฝ่อตัวของเส้นเลือด รอยแดงที่เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดจะค่อยๆจางหายไป นอกจากนี้เลเซอร์เพาส์ดายจะมีการปล่อยลมเย็นลงบนผิวหนังก่อนที่แสงจะกระทบผิว ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ และลดอาการแสบร้อนระหว่างการทำเลเซอร์

เลเซอร์เพาส์ดายต้องทำกี่ครั้ง?

การรักษารอยแดงจากสิวด้วยเลเซอร์เพาส์ดายควรทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 4 - 5 ครั้ง ทุก 3 - 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความแดงของรอยสิว

เลเซอร์เพาส์ดายเจ็บหรือไม่?

ในขณะทำจะรู้สึกเย็นๆ บริเวณผิวหนัง ซึ่งเกิดจากลมเย็นที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวเครื่อง หลังจากนั้นจะรู้สึกคล้ายถูกหนังยางดีดผิวระหว่างที่แสงเลเซอร์กระทบผิว ผู้ที่ทำส่วนใหญ่สามารถทนได้ ไม่จำเป็นต้องทายาชา เนื่องจากยาชาทำให้เส้นเลือดหดตัวชั่วคราว ทำให้พลังงานแสงเข้าไปในเส้นเลือดได้น้อยลง อาจทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร

การเตรียมตัวก่อนการเลเซอร์

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หรือการอาบแดด 2 สัปดาห์ เนื่องจากแสงแดดจะทำให้ผิวหนังไวต่อการกระตุ้น ทำให้เกิดรอยดำคล้ำได้
  • ในวันที่ทำการรักษา ให้ทำความสะอาดใบหน้าหรือบริเวณที่ต้องการรักษา เช็ดให้แห้งสนิทเพื่อให้แสงเลเซอร์ซึมผ่านผิวหนังแท้ได้ดีที่สุด

การดูแลผิวหลังการเลเซอร์

  • ล้างหน้า แต่งหน้า และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการอาบแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • ควรทาครีมกันแดด และสวมเสื้อผ้ามิดชิด เมื่อจำเป็นต้องโดนแสงแดดจัด

ลักษณะผิวหลังทำเลเซอร์

ผิวบริเวณดังกล่าวจะดูแดงขึ้นเล็กน้อย รอยแดงที่เกิดขึ้นจะจางหายในวันรุ่งขึ้น และไม่ทิ้งรอยแผลหลังการทำเลเซอร์ ผลการรักษาในแต่ละครั้งจะเริ่มเห็นได้ชัดประมาณ 2 - 3 สัปดาห์หลังเลเซอร์

ผลการรักษาเป็นอย่างไร

  • รอยแดงที่ไม่มีแผลหลุมอยู่ข้างใต้จะจางหายหลังรับการเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง 4 – 5 ครั้ง
  • สำหรับรอยแดงที่มีแผลหลุม หลังจากรอยแดงจางหายไปแผลหลุมอาจดีขึ้นเล็กน้อย เพราะพลังงานความร้อนที่เกิดจากแสงเลเซอร์สามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนได้บ้าง หากต้องการให้แผลหลุบเรียบขึ้นต้องรักษาด้วยเลเซอร์ปรับสภาพผิวในขั้นตอนต่อไป

เลเซอร์เพาส์ดายใช้รักษาอะไรได้บ้าง

1. ลบรอยแดงจากสิว

2. โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเส้นเลือด ได้แก่

  • เส้นเลือดฝอยแตกขยายบริเวณหน้า คอ และขา
  • หน้าแดงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกขยายผิดปกติ
  • ความผิดปกติของเส้นเลือดที่ปาก
  • รอยแดงนูนที่ผิดปกติของเส้นเลือด
  • ปานแดงแต่กำเนิด
  • เนื้องอกของเส้นเลือดที่ผิวหนัง

3. รักษาริ้วรอยต่างๆ เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยกระตื้น

4. รักษาสิวอักเสบ

5. รอยแดงของแผลเป็น แผลเป็นนูน และแผลผ่าตัด

6. หูด

7. โรคสะเก็ดเงิน

"เมื่อเป็นสิวควรรักษาแต่เนิ่นๆ ไม่ควรบีบหรือแกะสิวเอง เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้หน้าของคุณไม่เรียบเนียน"


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A

   สิวที่ว่าหายยาก “รอยแดง” หลังสิวหายรักษายากกว่า อาการรอยแดงจากสิวมักเกิดจากสิวที่อักเสบรุนแรง การบีบหรือแกะสิว รอยแดงเหล่านี้เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดบริเวณนั้นๆ ซึ่งไม่สามารถหายเองได้ หรือแม้แต่การทายาก็ไม่สามารถรักษาให้หายสนิทได้เช่นกัน

Pulsed Dye Laser: เลเซอร์ลบรอยแดงจากสิว

เป็นเลเซอร์ชนิดที่มีความยาวคลื่น 585-595 นาโนเมตร เลเซอร์ชนิดนี้จะปล่อยพลังงานแสงที่มีค่าพลังงานในช่วงความยาวคลื่นที่สามารถถูกดูดเข้าไปในเม็ดเลือด เมื่อเม็ดเลือดดูดพลังงงานแสงเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำให้เกิดการฝ่อตัวของเส้นเลือด รอยแดงที่เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดจะค่อยๆจางหายไป นอกจากนี้เลเซอร์เพาส์ดายจะมีการปล่อยลมเย็นลงบนผิวหนังก่อนที่แสงจะกระทบผิว ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ และลดอาการแสบร้อนระหว่างการทำเลเซอร์

เลเซอร์เพาส์ดายต้องทำกี่ครั้ง?

การรักษารอยแดงจากสิวด้วยเลเซอร์เพาส์ดายควรทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 4 - 5 ครั้ง ทุก 3 - 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความแดงของรอยสิว

เลเซอร์เพาส์ดายเจ็บหรือไม่?

ในขณะทำจะรู้สึกเย็นๆ บริเวณผิวหนัง ซึ่งเกิดจากลมเย็นที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวเครื่อง หลังจากนั้นจะรู้สึกคล้ายถูกหนังยางดีดผิวระหว่างที่แสงเลเซอร์กระทบผิว ผู้ที่ทำส่วนใหญ่สามารถทนได้ ไม่จำเป็นต้องทายาชา เนื่องจากยาชาทำให้เส้นเลือดหดตัวชั่วคราว ทำให้พลังงานแสงเข้าไปในเส้นเลือดได้น้อยลง อาจทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร

การเตรียมตัวก่อนการเลเซอร์

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หรือการอาบแดด 2 สัปดาห์ เนื่องจากแสงแดดจะทำให้ผิวหนังไวต่อการกระตุ้น ทำให้เกิดรอยดำคล้ำได้
  • ในวันที่ทำการรักษา ให้ทำความสะอาดใบหน้าหรือบริเวณที่ต้องการรักษา เช็ดให้แห้งสนิทเพื่อให้แสงเลเซอร์ซึมผ่านผิวหนังแท้ได้ดีที่สุด

การดูแลผิวหลังการเลเซอร์

  • ล้างหน้า แต่งหน้า และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการอาบแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • ควรทาครีมกันแดด และสวมเสื้อผ้ามิดชิด เมื่อจำเป็นต้องโดนแสงแดดจัด

ลักษณะผิวหลังทำเลเซอร์

ผิวบริเวณดังกล่าวจะดูแดงขึ้นเล็กน้อย รอยแดงที่เกิดขึ้นจะจางหายในวันรุ่งขึ้น และไม่ทิ้งรอยแผลหลังการทำเลเซอร์ ผลการรักษาในแต่ละครั้งจะเริ่มเห็นได้ชัดประมาณ 2 - 3 สัปดาห์หลังเลเซอร์

ผลการรักษาเป็นอย่างไร

  • รอยแดงที่ไม่มีแผลหลุมอยู่ข้างใต้จะจางหายหลังรับการเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง 4 – 5 ครั้ง
  • สำหรับรอยแดงที่มีแผลหลุม หลังจากรอยแดงจางหายไปแผลหลุมอาจดีขึ้นเล็กน้อย เพราะพลังงานความร้อนที่เกิดจากแสงเลเซอร์สามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนได้บ้าง หากต้องการให้แผลหลุบเรียบขึ้นต้องรักษาด้วยเลเซอร์ปรับสภาพผิวในขั้นตอนต่อไป

เลเซอร์เพาส์ดายใช้รักษาอะไรได้บ้าง

1. ลบรอยแดงจากสิว

2. โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเส้นเลือด ได้แก่

  • เส้นเลือดฝอยแตกขยายบริเวณหน้า คอ และขา
  • หน้าแดงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกขยายผิดปกติ
  • ความผิดปกติของเส้นเลือดที่ปาก
  • รอยแดงนูนที่ผิดปกติของเส้นเลือด
  • ปานแดงแต่กำเนิด
  • เนื้องอกของเส้นเลือดที่ผิวหนัง

3. รักษาริ้วรอยต่างๆ เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยกระตื้น

4. รักษาสิวอักเสบ

5. รอยแดงของแผลเป็น แผลเป็นนูน และแผลผ่าตัด

6. หูด

7. โรคสะเก็ดเงิน

"เมื่อเป็นสิวควรรักษาแต่เนิ่นๆ ไม่ควรบีบหรือแกะสิวเอง เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้หน้าของคุณไม่เรียบเนียน"


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง