วัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจ
ผู้ป่วยโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจมีจำนวนมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยโรคที่พบบ่อย เช่น โรคหืด (asthma) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคเนื้อเยื่อปอดอักเสบ (interstitial lung disease) โรคหลอดลมโป่งพอง (bronchiectasis) เป็นต้น โดยผู้ป่วยโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจจะมีความเสียงที่จะเกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจโดยที่อาการรุนแรง นอกจากนี้การติดเชื้อทางเดินหายใจจะทำให้โรคเรื้อรังทางเดินหายใจของผู้ป่วยเองมีอาการแทรกซ้อนที่เพิ่มขึ้น การติดเชื้อทางเดินหายใจในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางเดินหายใจจึงมีโอกาสที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรวมถึงมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้น ผู้ป่วยจึงควรได้รับวัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคที่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยวัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้มีดังนี้
1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (influenza vaccine) ช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยแนะนำฉีดปีละ 1 ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 1 ปี สามารถฉีดได้เลยโดยมีระยะห่างจากเข็มก่อนหน้านี้อย่างน้อย 6 เดือน ในปัจจุบันสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์หรือ 4 สายพันธุ์ ก็ได้
2. วัคซีนนิวโมคอคคัส (pneumococcal vaccine) ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคปอดอักเสบ โดยมีคำแนะนำในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางเดินหายใจที่มีอายุ 18-64 ปีขึ้นไปดังนี้
- ฉีด PCV20 1 เข็ม
- ฉีด PCV13 หรือ PCV 15 1 เข็ม ตามด้วย PPSV23 1 เข็ม โดยห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 1 ปี
ให้ฉีดแบบใดแบบหนึ่ง และผู้ป่วยบางรายอาจต้องได้รับ PPSV23 หรือ PCV20 อีก 1 เข็ม เมื่อมีอายุ 65 ปีขึ้นไป
3. วัคซีนอาร์เอสวี (RSV vaccine) ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัส RSV โดยแนะนำฉีดในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางเดินหายใจอายุ 60 ปีขึ้นไป จากข้อมูลปัจจุบันหลังฉีดวัคซีนแล้วจะยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ถึงประมาณ 30 เดือนหลังฉีด จึงยังไม่มีคำแนะนำของเข็มกระตุ้น ณ ขณะนี้
การได้รับวัคซีนเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่อาจทำให้สภาวะของโรคทางเดินหายใจเรื้อรังแย่ลง และช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้น แนะนำให้ผู้ป่วยไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมตามอายุ สภาพร่างกาย และประวัติทางการแพทย์ของแต่ละบุคคล
ข้อมูลจาก : นพ.ประทีป รักษาสกุลวงศ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ระบบการหายใจ ชั้น 3 โซน C
บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้ป่วยโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจมีจำนวนมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยโรคที่พบบ่อย เช่น โรคหืด (asthma) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคเนื้อเยื่อปอดอักเสบ (interstitial lung disease) โรคหลอดลมโป่งพอง (bronchiectasis) เป็นต้น โดยผู้ป่วยโรคเรื้อรังระบบทางเดินหายใจจะมีความเสียงที่จะเกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจโดยที่อาการรุนแรง นอกจากนี้การติดเชื้อทางเดินหายใจจะทำให้โรคเรื้อรังทางเดินหายใจของผู้ป่วยเองมีอาการแทรกซ้อนที่เพิ่มขึ้น การติดเชื้อทางเดินหายใจในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางเดินหายใจจึงมีโอกาสที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรวมถึงมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้น ผู้ป่วยจึงควรได้รับวัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคที่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยวัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้มีดังนี้
1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (influenza vaccine) ช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยแนะนำฉีดปีละ 1 ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 1 ปี สามารถฉีดได้เลยโดยมีระยะห่างจากเข็มก่อนหน้านี้อย่างน้อย 6 เดือน ในปัจจุบันสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์หรือ 4 สายพันธุ์ ก็ได้
2. วัคซีนนิวโมคอคคัส (pneumococcal vaccine) ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคปอดอักเสบ โดยมีคำแนะนำในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางเดินหายใจที่มีอายุ 18-64 ปีขึ้นไปดังนี้
- ฉีด PCV20 1 เข็ม
- ฉีด PCV13 หรือ PCV 15 1 เข็ม ตามด้วย PPSV23 1 เข็ม โดยห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 1 ปี
ให้ฉีดแบบใดแบบหนึ่ง และผู้ป่วยบางรายอาจต้องได้รับ PPSV23 หรือ PCV20 อีก 1 เข็ม เมื่อมีอายุ 65 ปีขึ้นไป
3. วัคซีนอาร์เอสวี (RSV vaccine) ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัส RSV โดยแนะนำฉีดในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางเดินหายใจอายุ 60 ปีขึ้นไป จากข้อมูลปัจจุบันหลังฉีดวัคซีนแล้วจะยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ถึงประมาณ 30 เดือนหลังฉีด จึงยังไม่มีคำแนะนำของเข็มกระตุ้น ณ ขณะนี้
การได้รับวัคซีนเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่อาจทำให้สภาวะของโรคทางเดินหายใจเรื้อรังแย่ลง และช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้น แนะนำให้ผู้ป่วยไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมตามอายุ สภาพร่างกาย และประวัติทางการแพทย์ของแต่ละบุคคล
ข้อมูลจาก : นพ.ประทีป รักษาสกุลวงศ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ระบบการหายใจ ชั้น 3 โซน C
บทความที่เกี่ยวข้อง


