
ดูแลลูกน้อยอย่างไรในช่วง COVID-19 ระบาด?
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ยังมีตัวเลขสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้มพบการติดเชื้อของเด็กมากขึ้น ในบทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการดูแลและป้องกันการติดเชื้อในเด็ก สำหรับผู้ปกครองในการดูแลลูกน้อยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19
COVID-19 สำหรับเด็กอันตรายอย่างไร?
การติดเชื้อ COVID-19 ในเด็กส่วนใหญ่มักมีประวัติสัมผัสกับบุคคลในครอบครัวที่มีการติดเชื้อ อาการในเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ ในบางรายอาจไม่มีอาการเลย อาการที่พบส่วนใหญ่คล้ายไข้หวัดทั่วไป หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ แต่สำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยงอาจจะมีอาการรุนแรง หายใจหอบเหนื่อย หรือ หายใจล้มเหลวได้ เด็กกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กที่มีโรคประจำตัว โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง
สังเกตอย่างไรเมื่อเด็กติดเชื้อ COVID-19?
- มีไข้สูงกว่า 37.5 °C (บางรายอาจไม่มีไข้ได้)
- เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- บางรายมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
- ในรายที่รุนแรงจะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย
การดูแลลูกน้อยเบื้องต้นเมื่อติดเชื้อ COVID-19
ผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการเล็กน้อย สามารถหายได้เองโดยการรักษาตามอาการ ผู้ปกครองสามารถดูแลเบื้องต้นได้ดังนี้
- หากมีไข้ ควรเช็ดตัวเป็นระยะ ทานยาลดไข้เมื่อมีไข้ทุก 4 - 6 ชั่วโมง
- เมื่อมีอาการไอ ทานยาละลายเสมหะและทานน้ำบ่อยๆ
- เมื่อมีน้ำมูก แนะนำล้างจมูก หรือใช้น้ำเกลือหยอดจมูกในทารก
- นอนพักผ่อน และดื่มน้ำบ่อยๆ ควรสังเกตจำนวนครั้งปัสสาวะและสีปัสสาวะ
- ถ้ามีอาการถ่ายเหลว แนะนำให้จิบน้ำเกลือแร่เรื่อยๆ
- สังเกตอาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์ : ไข้สูง ซึมลง ทานได้น้อย อาเจียนเยอะ ปัสสาวะน้อยลง หายใจเร็ว หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หรือเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี โรคประจำตัว โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง แนะนำให้รีบพามาโรงพยาบาล
การป้องกันการติดเชื้อ COVID-19
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แหล่งชุมชนแออัด มีคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี หากมีความจำเป็น ผู้ปกครองควรดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิด สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน โดยเลือกหน้ากากอนามัยที่ขนาดพอดีกับใบหน้าและหายใจสะดวก
- หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลความเข้มข้นอย่างน้อย60% ควรล้างมือเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาทีหรือให้เด็กร้องเพลง happy birthday 2 รอบก็จะครบ 20 วินาที โดยเน้นการล้างมือหลังจากการไอ จาม ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร หลังจากการเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อม และหลังกลับจากที่สถานที่สาธารณะควรรีบล้างมือทันที
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะการขยี้ตา จมูก ปาก
- ไม่ควรใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอด จาน ช้อนส้อม เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวสาธารณะต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ราวบันได ผนังลิฟต์ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยหรือผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ควรอยู่ห่างอย่างน้อย 1 - 2 เมตร
- เด็กอายุ 6 - 12 เดือนและเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้แก่ โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง ควรได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
คำแนะนำการสวมหน้ากากอนามัยในเด็ก
แนะนำสวมหน้ากากอนามัยในกรณีต่อไปนี้
- เด็กมีอาการการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น มีอาการไอหรือจาม
- เด็กที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นเวลา 5วันหลังจากวันที่สัมผัส
- เด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิด-19 รุนแรง
- พิจารณาสวมหน้ากากอนามัยหากต้องเดินทางไปในที่สาธารณะหรือสถานที่ที่มีคนหนาแน่น หรือการระบายอากาศไม่ดี
โดยหน้ากากอนามัยต้องมีขนาดพอดี คลุมจมูก ปากและคาง รวมทั้งกระชับใบหน้า
อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สวมหน้ากากหรือแผ่นพลาสติกใสคลุมหน้า (face shield) ให้กับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หรือ เด็กที่ไม่สามารถถอดหน้ากากได้เองหากหายใจไม่ออก เช่น เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า เพราะเด็กกลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงในการขาดอากาศหรือมีคาร์บอนไดออกไซด์คั่งจนเป็นอันตรายได้ และ face shield อาจบาดใบหน้าได้ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้ผ้าคลุมรถเข็น เพื่อป้องกันละอองฝอยที่อาจมีเชื้อโรคแทนได้ และควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เว้นระยะห่าง2 เมตรจากผู้อื่น
นอกจากนี้เด็ก ๆ ควรรู้วิธีการใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกต้องด้วย คือควรล้างมือให้สะอาดก่อนใส่และหลังถอด ไม่จับบริเวณผิวด้านนอกของหน้ากากอนามัยเวลาถอด และเวลาถอดควรจับที่หูหน้ากากทั้งสองข้าง เมื่อถอดควรนำไปทิ้งในภาชนะที่ปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และควรล้างมือทันทีหลังสัมผัสหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว
คุณพ่อคุณแม่และเด็ก ๆ ร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำ ทุกคนก็จะปลอดภัยจากการติดเชื้อโรคโควิด-19
ข้อมูลจาก : พญ.วรพร พุ่มเล็ก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ยังมีตัวเลขสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้มพบการติดเชื้อของเด็กมากขึ้น ในบทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการดูแลและป้องกันการติดเชื้อในเด็ก สำหรับผู้ปกครองในการดูแลลูกน้อยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19
COVID-19 สำหรับเด็กอันตรายอย่างไร?
การติดเชื้อ COVID-19 ในเด็กส่วนใหญ่มักมีประวัติสัมผัสกับบุคคลในครอบครัวที่มีการติดเชื้อ อาการในเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ ในบางรายอาจไม่มีอาการเลย อาการที่พบส่วนใหญ่คล้ายไข้หวัดทั่วไป หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ แต่สำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยงอาจจะมีอาการรุนแรง หายใจหอบเหนื่อย หรือ หายใจล้มเหลวได้ เด็กกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กที่มีโรคประจำตัว โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง
สังเกตอย่างไรเมื่อเด็กติดเชื้อ COVID-19?
- มีไข้สูงกว่า 37.5 °C (บางรายอาจไม่มีไข้ได้)
- เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- บางรายมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
- ในรายที่รุนแรงจะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย
การดูแลลูกน้อยเบื้องต้นเมื่อติดเชื้อ COVID-19
ผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการเล็กน้อย สามารถหายได้เองโดยการรักษาตามอาการ ผู้ปกครองสามารถดูแลเบื้องต้นได้ดังนี้
- หากมีไข้ ควรเช็ดตัวเป็นระยะ ทานยาลดไข้เมื่อมีไข้ทุก 4 - 6 ชั่วโมง
- เมื่อมีอาการไอ ทานยาละลายเสมหะและทานน้ำบ่อยๆ
- เมื่อมีน้ำมูก แนะนำล้างจมูก หรือใช้น้ำเกลือหยอดจมูกในทารก
- นอนพักผ่อน และดื่มน้ำบ่อยๆ ควรสังเกตจำนวนครั้งปัสสาวะและสีปัสสาวะ
- ถ้ามีอาการถ่ายเหลว แนะนำให้จิบน้ำเกลือแร่เรื่อยๆ
- สังเกตอาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์ : ไข้สูง ซึมลง ทานได้น้อย อาเจียนเยอะ ปัสสาวะน้อยลง หายใจเร็ว หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หรือเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี โรคประจำตัว โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง แนะนำให้รีบพามาโรงพยาบาล
การป้องกันการติดเชื้อ COVID-19
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แหล่งชุมชนแออัด มีคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี หากมีความจำเป็น ผู้ปกครองควรดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิด สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน โดยเลือกหน้ากากอนามัยที่ขนาดพอดีกับใบหน้าและหายใจสะดวก
- หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลความเข้มข้นอย่างน้อย60% ควรล้างมือเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาทีหรือให้เด็กร้องเพลง happy birthday 2 รอบก็จะครบ 20 วินาที โดยเน้นการล้างมือหลังจากการไอ จาม ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร หลังจากการเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อม และหลังกลับจากที่สถานที่สาธารณะควรรีบล้างมือทันที
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะการขยี้ตา จมูก ปาก
- ไม่ควรใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอด จาน ช้อนส้อม เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวสาธารณะต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ราวบันได ผนังลิฟต์ เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยหรือผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ควรอยู่ห่างอย่างน้อย 1 - 2 เมตร
- เด็กอายุ 6 - 12 เดือนและเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้แก่ โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคพันธุกรรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง ควรได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
คำแนะนำการสวมหน้ากากอนามัยในเด็ก
แนะนำสวมหน้ากากอนามัยในกรณีต่อไปนี้
- เด็กมีอาการการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น มีอาการไอหรือจาม
- เด็กที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นเวลา 5วันหลังจากวันที่สัมผัส
- เด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิด-19 รุนแรง
- พิจารณาสวมหน้ากากอนามัยหากต้องเดินทางไปในที่สาธารณะหรือสถานที่ที่มีคนหนาแน่น หรือการระบายอากาศไม่ดี
โดยหน้ากากอนามัยต้องมีขนาดพอดี คลุมจมูก ปากและคาง รวมทั้งกระชับใบหน้า
อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สวมหน้ากากหรือแผ่นพลาสติกใสคลุมหน้า (face shield) ให้กับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หรือ เด็กที่ไม่สามารถถอดหน้ากากได้เองหากหายใจไม่ออก เช่น เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า เพราะเด็กกลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงในการขาดอากาศหรือมีคาร์บอนไดออกไซด์คั่งจนเป็นอันตรายได้ และ face shield อาจบาดใบหน้าได้ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้ผ้าคลุมรถเข็น เพื่อป้องกันละอองฝอยที่อาจมีเชื้อโรคแทนได้ และควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เว้นระยะห่าง2 เมตรจากผู้อื่น
นอกจากนี้เด็ก ๆ ควรรู้วิธีการใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกต้องด้วย คือควรล้างมือให้สะอาดก่อนใส่และหลังถอด ไม่จับบริเวณผิวด้านนอกของหน้ากากอนามัยเวลาถอด และเวลาถอดควรจับที่หูหน้ากากทั้งสองข้าง เมื่อถอดควรนำไปทิ้งในภาชนะที่ปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และควรล้างมือทันทีหลังสัมผัสหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว
คุณพ่อคุณแม่และเด็ก ๆ ร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำ ทุกคนก็จะปลอดภัยจากการติดเชื้อโรคโควิด-19
ข้อมูลจาก : พญ.วรพร พุ่มเล็ก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E