วิธีสังเกต ยาเสื่อมคุณภาพ

วันหมดอายุ หรือ วันสิ้นอายุของยา คือ วันที่กำหนดอายุการใช้งานของยา เพื่อแสดงว่ายาดังกล่าวมีคุณภาพตามมาตรฐานตลอดช่วงระยะเวลาก่อนถึงวันสิ้นอายุของยา ซึ่งข้อมูลวันหมดอายุและสภาวะการจัดเก็บยาได้จากการศึกษาความคงตัวของยา ประชาชนในฐานะผู้บริโภคจึงควรทราบวิธีการสังเกตยาหมดอายุ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบคุณภาพยาอย่างง่ายที่สามารถทำได้เอง ข้อควรรู้พื้นฐานในการพิจารณาวันหมดอายุของยา เพื่อสังเกตยาเสื่อมสภาพ มีดังนี้

  1. ยาที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ของบริษัทผู้ผลิต สังเกตได้จากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ เช่น ที่แผงยา ขวดยา เป็นต้น กรณีที่ระบุเฉพาะเดือนและปีที่หมดอายุ วันหมดอายุจะเป็นวันสุดท้ายของเดือนในปีที่ระบุไว้นั้น
  2. ยาเม็ดแบ่งบรรจุล่วงหน้า (pre-pack) จะมีอายุการใช้งาน 1 ปี นับจากวันที่แบ่งบรรจุ (วันหมดอายุของยาที่ระบุไว้บนซองยา)
  3. ยาปฏิชีวนะชนิดผงแห้ง ควรผสมตามวิธีที่ระบุของยาแต่ละชนิด และให้พิจารณาเกณฑ์การเก็บรักษาและอายุยาหลังผสมจากเอกสารกำกับยาของยาแต่ละชนิด
  4. ยาน้ำเชื่อม  โดยทั่วไปควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง (การแช่ตู้เย็นไม่ช่วยยืดอายุยา แต่อาจทำให้ยาตกตะกอน หรือน้ำเชื่อมตกผลึก)
  5. ยาหยอดตา ยาป้ายตา หากเป็นชนิดที่ใส่สารกันเสีย (preservative) โดยทั่วไปจะมีอายุไม่เกิน 1 เดือนหลังการเปิดใช้ หากเป็นชนิดไม่เติมสารกันเสียจะมีอายุไม่เกิน 1 วัน (ยาบางชนิดมีการกำหนดอายุยาหลังการเปิดใช้เฉพาะควรพิจารณาตามข้อมูลยาชนิดนั้น ๆ)

คำแนะนำเพิ่มเติม

โดยทั่วไปควรเก็บรักษายาในภาชนะบรรจุเดิมจากบริษัทผู้ผลิต ในสถานที่แห้ง ไม่โดนแสงแดดโดยตรง และเก็บยาให้พ้นมือเด็ก

นอกจากนั้นยาจะมีคุณภาพดีจนถึงวันหมดอายุที่ระบุไว้ได้ หากอยู่ภายใต้การจัดเก็บที่เหมาะสมตามที่แนะนำโดยบริษัทผู้ผลิต แต่หากมีการจัดเก็บยาที่ไม่เหมาะสม ยาอาจเสื่อมสภาพและมีคุณภาพลดลงต่ำกว่ามาตรฐานก่อนวันหมดอายุที่ระบุไว้ ดังนั้นการสังเกตลักษณะทางกายภาพของยาร่วมด้วยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากยามีลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น สี กลิ่น รสชาติ หรือลักษณะภายนอก เป็นต้น เปลี่ยนไปจากเดิม ก็อาจอนุมานได้ว่าคุณภาพของยาน่าจะเปลี่ยนแปลงและผู้บริโภคไม่ควรใช้ยานั้นต่อไป

การเสื่อมสภาพของยาเกิดขึ้นได้ใน 3 ลักษณะ คือ

  1. การเสื่อมสภาพทางเคมี ได้แก่ การลดลงของปริมาณตัวยาสำคัญ และการเพิ่มขึ้นของสารสลายตัว (การเปลี่ยนแปลงในปริมาณหรือชนิดของสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของตัวยา ทั้งตัวยาสำคัญและส่วนประกอบอื่น ๆ)
  2. การเสื่อมสภาพทางกายภาพ ได้แก่ ความผิดปกติของสี กลิ่น รสชาติ ความใส ความหนืด  การแยกชั้น การตกตะกอน เป็นต้น
  3. การเสื่อมสภาพทางจุลชีววิทยา ได้แก่ การปนเปื้อนของเชื้อเกินระดับปลอดภัย (การปนเปื้อนและการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ในผลิตภัณฑ์ยา)

ตัวอย่างลักษณะยาที่เสื่อมสภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเภสัชกรรม โทร 1474 กด 2 

วันหมดอายุ หรือ วันสิ้นอายุของยา คือ วันที่กำหนดอายุการใช้งานของยา เพื่อแสดงว่ายาดังกล่าวมีคุณภาพตามมาตรฐานตลอดช่วงระยะเวลาก่อนถึงวันสิ้นอายุของยา ซึ่งข้อมูลวันหมดอายุและสภาวะการจัดเก็บยาได้จากการศึกษาความคงตัวของยา ประชาชนในฐานะผู้บริโภคจึงควรทราบวิธีการสังเกตยาหมดอายุ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบคุณภาพยาอย่างง่ายที่สามารถทำได้เอง ข้อควรรู้พื้นฐานในการพิจารณาวันหมดอายุของยา เพื่อสังเกตยาเสื่อมสภาพ มีดังนี้

  1. ยาที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ของบริษัทผู้ผลิต สังเกตได้จากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ เช่น ที่แผงยา ขวดยา เป็นต้น กรณีที่ระบุเฉพาะเดือนและปีที่หมดอายุ วันหมดอายุจะเป็นวันสุดท้ายของเดือนในปีที่ระบุไว้นั้น
  2. ยาเม็ดแบ่งบรรจุล่วงหน้า (pre-pack) จะมีอายุการใช้งาน 1 ปี นับจากวันที่แบ่งบรรจุ (วันหมดอายุของยาที่ระบุไว้บนซองยา)
  3. ยาปฏิชีวนะชนิดผงแห้ง ควรผสมตามวิธีที่ระบุของยาแต่ละชนิด และให้พิจารณาเกณฑ์การเก็บรักษาและอายุยาหลังผสมจากเอกสารกำกับยาของยาแต่ละชนิด
  4. ยาน้ำเชื่อม  โดยทั่วไปควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง (การแช่ตู้เย็นไม่ช่วยยืดอายุยา แต่อาจทำให้ยาตกตะกอน หรือน้ำเชื่อมตกผลึก)
  5. ยาหยอดตา ยาป้ายตา หากเป็นชนิดที่ใส่สารกันเสีย (preservative) โดยทั่วไปจะมีอายุไม่เกิน 1 เดือนหลังการเปิดใช้ หากเป็นชนิดไม่เติมสารกันเสียจะมีอายุไม่เกิน 1 วัน (ยาบางชนิดมีการกำหนดอายุยาหลังการเปิดใช้เฉพาะควรพิจารณาตามข้อมูลยาชนิดนั้น ๆ)

คำแนะนำเพิ่มเติม

โดยทั่วไปควรเก็บรักษายาในภาชนะบรรจุเดิมจากบริษัทผู้ผลิต ในสถานที่แห้ง ไม่โดนแสงแดดโดยตรง และเก็บยาให้พ้นมือเด็ก

นอกจากนั้นยาจะมีคุณภาพดีจนถึงวันหมดอายุที่ระบุไว้ได้ หากอยู่ภายใต้การจัดเก็บที่เหมาะสมตามที่แนะนำโดยบริษัทผู้ผลิต แต่หากมีการจัดเก็บยาที่ไม่เหมาะสม ยาอาจเสื่อมสภาพและมีคุณภาพลดลงต่ำกว่ามาตรฐานก่อนวันหมดอายุที่ระบุไว้ ดังนั้นการสังเกตลักษณะทางกายภาพของยาร่วมด้วยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากยามีลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น สี กลิ่น รสชาติ หรือลักษณะภายนอก เป็นต้น เปลี่ยนไปจากเดิม ก็อาจอนุมานได้ว่าคุณภาพของยาน่าจะเปลี่ยนแปลงและผู้บริโภคไม่ควรใช้ยานั้นต่อไป

การเสื่อมสภาพของยาเกิดขึ้นได้ใน 3 ลักษณะ คือ

  1. การเสื่อมสภาพทางเคมี ได้แก่ การลดลงของปริมาณตัวยาสำคัญ และการเพิ่มขึ้นของสารสลายตัว (การเปลี่ยนแปลงในปริมาณหรือชนิดของสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของตัวยา ทั้งตัวยาสำคัญและส่วนประกอบอื่น ๆ)
  2. การเสื่อมสภาพทางกายภาพ ได้แก่ ความผิดปกติของสี กลิ่น รสชาติ ความใส ความหนืด  การแยกชั้น การตกตะกอน เป็นต้น
  3. การเสื่อมสภาพทางจุลชีววิทยา ได้แก่ การปนเปื้อนของเชื้อเกินระดับปลอดภัย (การปนเปื้อนและการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ในผลิตภัณฑ์ยา)

ตัวอย่างลักษณะยาที่เสื่อมสภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเภสัชกรรม โทร 1474 กด 2 


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง