
แพ้อะไร รู้ได้ด้วย... การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง คือ การนำน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรหญ้า วัชพืช เชื้อรา เป็นต้น มาทำการทดสอบที่ผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อทำให้ทราบว่าแพ้สารใด วิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ที่มีความไวและความจำเพาะสูง ทำง่าย และราคาไม่แพง สามารถทราบผลได้ทันที ผู้ป่วยสามารถเห็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นด้วยตาของตนเอง
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังสามารถตรวจได้ในผู้ใหญ่และในเด็ก โดยทั่วไปนิยมตรวจในเด็กที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ควรทำในหญิงตั้งครรภ์
การทดสอบมี 2 วิธี คือ
1.วิธีสะกิด (Skin Prick Test) เป็นการทดสอบโดยหยดน้ำยาลงบนผิวหนังที่แขนหรือแผ่นหลัง และใช้เข็มสะกิดลงบนผิวหนังที่หยดน้ำยา ซึ่งทำง่าย เร็ว ไม่เจ็บและใช้อุปกรณ์น้อย เสี่ยงต่อการแพ้ทั่วร่างกายน้อย วิธีนี้ทำเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ, การแพ้ยา, การแพ้อาหาร, ภูมิแพ้ทางผิวหนัง เพื่อตรวจหาว่าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดบ้าง และใช้ประกอบการพิจารณาสำหรับการรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy)
2. วิธีฉีดเข้าผิวหนัง (Intradermal Test) เป็นการฉีดน้ำยาเข้าผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ ซึ่งทำยากกว่าและเสียเวลามากกว่า เจ็บกว่าและใช้อุปกรณ์มากกว่า และทั้งเสี่ยงต่อการแพ้ทั่วร่างกายได้มากกว่า ปัจจุบันใช้เฉพาะในการทดสอบการแพ้ยา หรือการแพ้พิษจากแมลงกัดต่อย
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนการทดสอบภูมิแพ้
- งดยารับประทานที่มีผลต่อการทดสอบทางผิวหนังอย่างน้อย 1-3 สัปดาห์แล้วแต่ชนิดของยา เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้คัน ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้เมารถ/วิงเวียนศรีษะ ยาทางจิตเวชบางชนิด ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือทางศูนย์โรคภูมิแพ้ก่อนหยุดยา
ยากล่อมประสาทและยานอนหลับ - หากใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ทราบก่อนทำการทดสอบ
- ในวันที่ทำการทดสอบผู้ป่วยไม่ควรมีอาการป่วยหรือเป็นไข้และควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย
การทดสอบภูมิแพ้
การทดสอบนิยมใช้วิธีสะกิดผิวหนัง เป็นการตรวจคัดกรอง (screening test) เพื่อดูว่าผู้ป่วยแพ้รุนแรงมาก - น้อยเพียงใด ถ้าผู้ป่วยให้ผลบวกชัดเจนต่อน้ำยาสกัดสารภูมิแพ้ชนิดใดแล้วไม่จำเป็นต้องทดสอบด้วยวิธีฉีดเข้าผิวหนังอีก แต่ถ้าการทดสอบโดยสะกิดให้ผลลบ แพทย์อาจพิจารณาการตรวจ ทดสอบวิธีอื่น
โดยทั่วไปการทดสอบจะใช้น้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ประมาณ 10-20 ชนิด และจะอ่านผลการทดสอบใน 15-20 นาที ถ้าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดจะเกิดรอยนูนและมีผื่นแดงๆรอบๆอาจรู้สึกคันเล็กน้อยตรงจุดนั้น เจ้าหน้าที่จะวัดขนาดของรอยนูน บันทึกไว้ และแพทย์จะอธิบายให้ทราบว่าผู้ป่วยแพ้อะไร
หลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ถ้ายังมีผื่นแดงที่สดสอบภูมิแพ้นั้น ผู้ป่วยควรวัดขนาดผื่นแดงและบันทึกไว้เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบในวันที่นัดครั้งต่อไป ผื่นนั้นจะค่อยๆหายไปเอง
ประโยชน์ของการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
- ทำให้ทราบว่าโรคที่ผู้ป่วยเป็น มีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้
- ทำให้ผู้ป่วยทราบว่าตนเองแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด และมากน้อยเพียงใด
- ผู้ป่วยสามารถกำจัด หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตนแพ้
- ถ้าจำเป็นต้องรักษาโดยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ แพทย์จะใช้ผลการทดสอบภูมิแพ้นี้เป็นข้อมูลในการสั่งวัคซีนสำหรับฉีดให้ผู้ป่วย
ข้อควรระวังในการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
สำหรับผู้ป่วยที่แพ้มาก อาจเกิดอาการแพ้ทั่วร่างกายเช่นเดียวกับการแพ้ยาฉีดชนิดอื่น ได้แก่ การมีผื่นคัน ลมพิษทั้งตัว แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หอบหืด และความดันโลหิตต่ำมากได้ แต่อาการเหล่านี้พบได้น้อยมาก หลังการทดสอบ ต้องนั่งพักรอดูอาการอย่างน้อย30 นาที จึงกลับบ้านได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์โรคภูมิแพ้ ชั้น 3 โซน D
การทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังโดยทั่วไปนิยมตรวจในเด็กที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องยอมให้แพทย์สะกิดผิวหนังหรือฉีดยาเข้าที่ชั้นของผิวหนังได้
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยวิธีสะกิด หรือ Skin Prick Test คืออะไร
เป็นการทดสอบเพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ โดยการตรวจหาปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ผ่านการสะกิดบริเวณผิวหนัง เพื่อตรวจหาว่าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดบ้าง และใช้ประกอบการพิจารณาสำหรับการรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy)
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนการทดสอบภูมิแพ้
- งดยารับประทานที่มีผลต่อการทดสอบทางผิวหนังอย่างน้อย 1-3 สัปดาห์ เช่น กลุ่มยาแก้แพ้ แก้ลมพิษ
ยากล่อมประสาทและยานอนหลับ - หากใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือรับประทาน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการทดสอบ
- ในวันที่ทำการทดสอบผู้ป่วยไม่ควรมีอาการป่วยหรือเป็นไข้ และควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย
ขั้นตอนการทดสอบ
- ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณท้องแขนหรือหลังด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- หยดน้ำยาสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังที่ทำความสะอาดแล้ว
- ใช้วัสดุปลายแหลมสะกิดบริเวณผิวหนังผ่านน้ำยาสารก่อภูมิแพ้
- หลังการทดสอบรอการอ่านผล ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์โรคภูมิแพ้ ชั้น 3 โซน D