
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine)
โรคไข้หวัดใหญ่มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย ในบางรายจะมีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลซ้ำ หลังจากหายป่วยแล้วร่างกายอาจมีอาการอ่อนเพลียติดต่อกันไปอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้นการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนจึงมีความสำคัญไม่น้อย
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อันตรายหรือไม่?
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทำมาจากเชื้อที่ตายแล้ว ทำให้หมดความสามารถในการก่อโรคจึงมีความปลอดภัยสูง นอกจากนั้นยังมีประสิทธิภาพที่ดีในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
ฉีดวัคซีนแล้วจะไม่เป็นไข้หวัดใหญ่จริงหรือ?
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกชนิดมีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน คือสามารถป้องกันโรคได้ประมาณร้อยละ 70-80 และช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ค่อนข้างมาก
ทำไมยังมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่?
- เป็นสภาวะที่ผู้รับวัคซีนอาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้หรือปวดเมื่อย โดยมักจะเริ่มมีอาการไม่นานหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว และควรหายเป็นปกติได้เองภายใน 1-2 วัน ส่วนการแพ้ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตมีน้อยมาก ถ้าหากเกิดขึ้นจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวกเสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดขาว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนศีรษะ หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
ใครที่สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้และฉีดได้เวลาใดบ้าง?
- สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยฉีดปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ควรต้องฉีดอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถฉีดได้ตลอดปี แต่แนะนำในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน (มีนาคม-พฤษภาคม) หรือเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว (ตุลาคม-พฤศจิกายน)
- สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 3 ปี ให้ใช้วัคซีนขนาดครึ่งโดสก็เพียงพอ
- ส่วนเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 9 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนเป็นครั้งแรกให้ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยทิ้งช่วงห่างกัน 1-2 เดือน หลังจากนั้นให้ฉีดซ้ำทุกปี ปีละ 1 เข็ม
ข้อห้ามในการใช้วัคซีน
- เด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- ผู้ที่แพ้ไข่อย่างรุนแรง เพราะวัคซีนผลิตโดยใช้ไข่จากสัตว์
- ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วพบว่ามีอาการแพ้อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีไข้หรือเจ็บป่วยควรเลื่อนการรับวัคซีนไปก่อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E
โรคไข้หวัดใหญ่มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย ในบางรายจะมีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลซ้ำ หลังจากหายป่วยแล้วร่างกายอาจมีอาการอ่อนเพลียติดต่อกันไปอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้นการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนจึงมีความสำคัญไม่น้อย
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อันตรายหรือไม่?
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทำมาจากเชื้อที่ตายแล้ว ทำให้หมดความสามารถในการก่อโรคจึงมีความปลอดภัยสูง นอกจากนั้นยังมีประสิทธิภาพที่ดีในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
ฉีดวัคซีนแล้วจะไม่เป็นไข้หวัดใหญ่จริงหรือ?
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกชนิดมีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน คือสามารถป้องกันโรคได้ประมาณร้อยละ 70-80 และช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ค่อนข้างมาก
ทำไมยังมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่?
- เป็นสภาวะที่ผู้รับวัคซีนอาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้หรือปวดเมื่อย โดยมักจะเริ่มมีอาการไม่นานหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว และควรหายเป็นปกติได้เองภายใน 1-2 วัน ส่วนการแพ้ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตมีน้อยมาก ถ้าหากเกิดขึ้นจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวกเสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดขาว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนศีรษะ หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
ใครที่สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้และฉีดได้เวลาใดบ้าง?
- สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยฉีดปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ควรต้องฉีดอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถฉีดได้ตลอดปี แต่แนะนำในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน (มีนาคม-พฤษภาคม) หรือเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว (ตุลาคม-พฤศจิกายน)
- สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 3 ปี ให้ใช้วัคซีนขนาดครึ่งโดสก็เพียงพอ
- ส่วนเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 9 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนเป็นครั้งแรกให้ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยทิ้งช่วงห่างกัน 1-2 เดือน หลังจากนั้นให้ฉีดซ้ำทุกปี ปีละ 1 เข็ม
ข้อห้ามในการใช้วัคซีน
- เด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือน
- ผู้ที่แพ้ไข่อย่างรุนแรง เพราะวัคซีนผลิตโดยใช้ไข่จากสัตว์
- ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วพบว่ามีอาการแพ้อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีไข้หรือเจ็บป่วยควรเลื่อนการรับวัคซีนไปก่อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E