
อาหารแลกเปลี่ยน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
อาหารแลกเปลี่ยนคืออะไร?
อาหารแลกเปลี่ยน คือ อาหารที่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 หมวด โดยในหมวดเดียวกันให้พลังงาน และสารอาหารที่ใกล้เคียงกัน อาหารในหมวดเดียวกันหรือต่างกันสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ หากมีสารอาหารและพลังงานที่ใกล้เคียงกัน หน่วยนับอาหารในรายการอาหารแลกเปลี่ยน เรียกว่า “ส่วน” ซึ่งแต่ละส่วนจะมีปริมาณอาหารแตกต่างกันตามหมวดอาหารนั้นๆ
ประโยชน์ของรายการอาหารแลกเปลี่ยน
- เลือกรับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น
- วางแผนและควบคุมการรับประทานอาหารของตนเองได้
ปริมาณอาหารที่ควรรับประทานใน 1 วัน
- กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
ควรรับประทาน 1,200 – 1,400 กิโลแคลอรี่ - กลุ่มเด็กอายุ 6 - 13 ปี, กลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุ 25 – 60 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
ควรรับประทาน 1,600 – 1,800 กิโลแคลอรี่ - กลุ่มวัยรุ่นอายุ 14 – 25 ปี และกลุ่มผู้ชายวัยทำงานอายุ 25 – 60 ปี
ควรรับประทาน 2,000 กิโลแคลอรี่
อ้างอิงจาก : สำนักโภชนาการ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข
1. หมวดข้าว - แป้ง (Rice & Flour)
ข้าวขาว 1 ส่วน เท่ากับ 1 ทัพพี (โดยประมาณ) มีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไม่มีไขมัน ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่
คำแนะนำในหมวดข้าว - แป้ง สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. ควรรับประทานเป็นข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีต แทนข้าวขาว หรือข้าวเหนียว
**สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง แนะนำให้รับประทานเป็นข้าวขาว เนื่องจากข้าวกล้องมีฟอสฟอรัสสูง
2. หากรับประทานวุ้นเส้น เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ข้าวโพด เผือก มัน ฟักทอง ต้องแลกเปลี่ยนกับอาหารที่รับประทานในมื้อหลัก
3. หลีกเลี่ยงซีเรียลเคลือบน้ำตาล ขนมอบ ของหวาน เบเกอรี่ ขนมไทย
2. หมวดผลไม้ (Fruit)
ผลไม้ 1 ส่วน เท่ากับ 1 กำปั้นมื้อ/จานเล็ก โดยมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม พลังงาน 60 กิโลแคลอรี่ แบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้
คำแนะนำในหมวดผลไม้ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำให้รับประทานมื้อละ 1 ส่วน (จานเล็ก) ใน 1 วัน รับประทานได้ 3 มื้อ
2. น้ำผลไม้ ควรเป็นน้ำผลไม้ที่คั้นแล้วไม่เติมน้ำตาล และแลกเปลี่ยนกับผลไม้สดปริมาณ 1 ส่วน เช่น น้ำส้ม 1/2½ ถ้วยตวง (120 มิลลิลิตร)
3. หลีกเลี่ยงผลไม้เชื่อม ผลไม้อบแห้ง ผลไม้กวน ผลไม้บรรจุกระป๋อง และควรหลีกเลี่ยงเครื่องจิ้มผลไม้ เช่น น้ำตาล เกลือ น้ำปลาหวาน
3. หมวดผัก (Vegetable)
ผักต่างๆ 1 ส่วน เท่ากับ ผักสุก 1 ทัพพี / ผักดิบ 2 ทัพพี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ประเภท ก. ผักที่ให้พลังงานต่ำมาก (ไม่คิดพลังงาน) ได้แก่ ผักกาดขาว, ผักกาดสลัด, ฟักเขียว, มะเขือยาว, สายบัว, ขิงอ่อน, ผักกวางตุ้ง, แตงกวา, บวบ, ใบกะเพรา และมะเขือเทศสีดา
- ประเภท ข. 1 ส่วน มีคาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไม่มีไขมัน ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี ได้แก่ ถั่วฝักยาว, ดอกแค, แครอท, เห็ดฟาง, มะเขือเปราะ, ดอกกะหล่า, ข้าวโพดอ่อน, ผักกระเฉด, หน่อไม้, บรอกโคลี, ถั่วงอก และมะละกอดิบ
คำแนะนำในหมวดผัก สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำให้รับประทานผักเพิ่มมากขึ้น เน้นผักที่ไม่ใช่พืชหัว เพื่อเป็นการเพิ่มใยอาหาร
2. เน้นเพิ่มเมนูผักในอาหารแทนการดื่มน้ำผักคั้น/สกัด/แยกกาก
4. หมวดเนื้อสัตว์ (Meat)
เนื้อสัตว์ 1 ส่วน เท่ากับ เนื้อสุก 30 กรัม หรือ 2 ช้อนกินข้าว ไม่มีคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีน 7 กรัม และไขมัน แบ่งตามชนิดเนื้อสัตว์ มีสารอาหารและพลังงาน ดังนี้
- ชนิดที่ 1 เนื้อสัตว์ไขมันต่ำมาก 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 0-1 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ กุ้ง (ตัวกลาง) เนื้อปลา เนื้ออกไก่ ไข่ขาว ปลาทู - ชนิดที่ 2 เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 3 กรัม ให้พลังงาน 55 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ ลูกชิ้นหมู/ไก่ ยมถั่วเหลือง (ไม่หวาน) - ชนิดที่ 3 เนื้อสัตว์ไขมันปานกลาง 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 75 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ ไข่ไก่ (ทั้งฟอง) 1 ฟอง เต้าหูแข็ง ½1/2 แผ่น เต้าหู้อ่อน 2/3 หลอด หมูเนื้อแดง เนื้อวัว - ชนิดที่ 4 เนื้อสัตว์ไขมันปานสูง 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 8 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ หมูสับ 5-6 ก้อน ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ แฮม 1 แผ่น ซี่โครงหมู
คำแนะนำในหมวดเนื้อสัตว์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และไม่ติดหนัง
2. แนะนำรับประทานไข่ไม่เกิน 1 ฟอง/วัน แต่หากผู้ป่วยมีไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูง แนะนำหลีกเลี่ยงไข่แดง หรือทานไข่ได้ 2-3 ฟอง/สัปดาห์
3. ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน และมีโรคไตร่วมด้วยแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือนักกำหนดอาหารเพื่อสอบถามเกี่ยวกับปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในการรับประทาน
5. หมวดน้ำมัน (Oil)
น้ำมัน 1 ส่วน เท่ากับ ไม่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน มีไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
- ชนิดที่ 1 น้ำมันที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA) 1 ส่วน ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง ถั่วลิสง งาขาว/งาดำ น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า เมล็ดมะม่วงหิมพานต์/อัลมอนด์ - ชนิดที่ 2 น้ำมันที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) 1 ส่วน ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด มายองเนส เมล็ดทานตะวัน เมล็ดถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย/ดอกทานตะวัน - ชนิดที่ 3 น้ำมันที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัว (SATURATED FATTY ACID) 1 ส่วน ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ น้ำมันหมู/ไก่ น้ำมันวัว เนื้อมะพร้าวขูด เบคอน เนยสด/เนยขาว ครีมสด น้ำมันปาล์ม กะทิ
คำแนะนำในหมวดเนื้อสัตว์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำให้ใช้น้ำมัน 6 ช้อนชา/วัน โดยเลือกใช้น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันรำข้าวในการประกอบอาหาร
2. เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันน้อยเป็นส่วนประกอบ เช่น อาหารประเภทต้ม อบ นึ่ง ย่าง แทนการทอด ผัด
3. หลีกเลี่ยงอาหารใส่กะทิ อาจตักรับประทานแค่เนื้อลดการซดน้ำลงเพื่อเป็นการลดรับน้ำมัน
6. หมวดนม และผลิตภัณฑ์จากนม (Milk)
นม 1 ส่วน หรือนมที่มีปริมาณ 240 มิลลิลิตร
ปริมาณ 1 ส่วนของนมชนิดอื่นๆ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยเล็ก (110 กรัม)
- นมผง 4 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
- นมปรุงแต่รส เช่น นมเปรี้ยว นมสตรอว์เบอร์รี่ จะมีการเติมน้ำตาลเพิ่ม
คำแนะนำในหมวดเนื้อสัตว์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำเลือกดื่มนมรสจืดแบบพร่องมันเนย หรือขาดมันเนยแทนนมปรุงแต่งรส
2. หากดื่มนมปรุงแต่งรส เช่น นมเปรี้ยว นมสตรอว์เบอร์รี่ แนะนำให้อ่านฉลากโภชนาการก่อนรับประทาน
ข้อมูลจาก นักกำหนดอาหาร แผนกโภชนาการ คลิก!! ติดตามข่าวสารกับนักกำหนดอาหาร
อาหารแลกเปลี่ยนคืออะไร?
อาหารแลกเปลี่ยน คือ อาหารที่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 หมวด โดยในหมวดเดียวกันให้พลังงาน และสารอาหารที่ใกล้เคียงกัน อาหารในหมวดเดียวกันหรือต่างกันสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ หากมีสารอาหารและพลังงานที่ใกล้เคียงกัน หน่วยนับอาหารในรายการอาหารแลกเปลี่ยน เรียกว่า “ส่วน” ซึ่งแต่ละส่วนจะมีปริมาณอาหารแตกต่างกันตามหมวดอาหารนั้นๆ
ประโยชน์ของรายการอาหารแลกเปลี่ยน
- เลือกรับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น
- วางแผนและควบคุมการรับประทานอาหารของตนเองได้
ปริมาณอาหารที่ควรรับประทานใน 1 วัน
- กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
ควรรับประทาน 1,200 – 1,400 กิโลแคลอรี่ - กลุ่มเด็กอายุ 6 - 13 ปี, กลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุ 25 – 60 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
ควรรับประทาน 1,600 – 1,800 กิโลแคลอรี่ - กลุ่มวัยรุ่นอายุ 14 – 25 ปี และกลุ่มผู้ชายวัยทำงานอายุ 25 – 60 ปี
ควรรับประทาน 2,000 กิโลแคลอรี่
อ้างอิงจาก : สำนักโภชนาการ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข
1. หมวดข้าว - แป้ง (Rice & Flour)
ข้าวขาว 1 ส่วน เท่ากับ 1 ทัพพี (โดยประมาณ) มีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไม่มีไขมัน ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่
คำแนะนำในหมวดข้าว - แป้ง สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. ควรรับประทานเป็นข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีต แทนข้าวขาว หรือข้าวเหนียว
**สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง แนะนำให้รับประทานเป็นข้าวขาว เนื่องจากข้าวกล้องมีฟอสฟอรัสสูง
2. หากรับประทานวุ้นเส้น เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ข้าวโพด เผือก มัน ฟักทอง ต้องแลกเปลี่ยนกับอาหารที่รับประทานในมื้อหลัก
3. หลีกเลี่ยงซีเรียลเคลือบน้ำตาล ขนมอบ ของหวาน เบเกอรี่ ขนมไทย
2. หมวดผลไม้ (Fruit)
ผลไม้ 1 ส่วน เท่ากับ 1 กำปั้นมื้อ/จานเล็ก โดยมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม พลังงาน 60 กิโลแคลอรี่ แบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้
คำแนะนำในหมวดผลไม้ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำให้รับประทานมื้อละ 1 ส่วน (จานเล็ก) ใน 1 วัน รับประทานได้ 3 มื้อ
2. น้ำผลไม้ ควรเป็นน้ำผลไม้ที่คั้นแล้วไม่เติมน้ำตาล และแลกเปลี่ยนกับผลไม้สดปริมาณ 1 ส่วน เช่น น้ำส้ม 1/2½ ถ้วยตวง (120 มิลลิลิตร)
3. หลีกเลี่ยงผลไม้เชื่อม ผลไม้อบแห้ง ผลไม้กวน ผลไม้บรรจุกระป๋อง และควรหลีกเลี่ยงเครื่องจิ้มผลไม้ เช่น น้ำตาล เกลือ น้ำปลาหวาน
3. หมวดผัก (Vegetable)
ผักต่างๆ 1 ส่วน เท่ากับ ผักสุก 1 ทัพพี / ผักดิบ 2 ทัพพี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ประเภท ก. ผักที่ให้พลังงานต่ำมาก (ไม่คิดพลังงาน) ได้แก่ ผักกาดขาว, ผักกาดสลัด, ฟักเขียว, มะเขือยาว, สายบัว, ขิงอ่อน, ผักกวางตุ้ง, แตงกวา, บวบ, ใบกะเพรา และมะเขือเทศสีดา
- ประเภท ข. 1 ส่วน มีคาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไม่มีไขมัน ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี ได้แก่ ถั่วฝักยาว, ดอกแค, แครอท, เห็ดฟาง, มะเขือเปราะ, ดอกกะหล่า, ข้าวโพดอ่อน, ผักกระเฉด, หน่อไม้, บรอกโคลี, ถั่วงอก และมะละกอดิบ
คำแนะนำในหมวดผัก สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำให้รับประทานผักเพิ่มมากขึ้น เน้นผักที่ไม่ใช่พืชหัว เพื่อเป็นการเพิ่มใยอาหาร
2. เน้นเพิ่มเมนูผักในอาหารแทนการดื่มน้ำผักคั้น/สกัด/แยกกาก
4. หมวดเนื้อสัตว์ (Meat)
เนื้อสัตว์ 1 ส่วน เท่ากับ เนื้อสุก 30 กรัม หรือ 2 ช้อนกินข้าว ไม่มีคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีน 7 กรัม และไขมัน แบ่งตามชนิดเนื้อสัตว์ มีสารอาหารและพลังงาน ดังนี้
- ชนิดที่ 1 เนื้อสัตว์ไขมันต่ำมาก 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 0-1 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ กุ้ง (ตัวกลาง) เนื้อปลา เนื้ออกไก่ ไข่ขาว ปลาทู - ชนิดที่ 2 เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 3 กรัม ให้พลังงาน 55 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ ลูกชิ้นหมู/ไก่ ยมถั่วเหลือง (ไม่หวาน) - ชนิดที่ 3 เนื้อสัตว์ไขมันปานกลาง 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 75 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ ไข่ไก่ (ทั้งฟอง) 1 ฟอง เต้าหูแข็ง ½1/2 แผ่น เต้าหู้อ่อน 2/3 หลอด หมูเนื้อแดง เนื้อวัว - ชนิดที่ 4 เนื้อสัตว์ไขมันปานสูง 1 ส่วน โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 8 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ หมูสับ 5-6 ก้อน ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ แฮม 1 แผ่น ซี่โครงหมู
คำแนะนำในหมวดเนื้อสัตว์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และไม่ติดหนัง
2. แนะนำรับประทานไข่ไม่เกิน 1 ฟอง/วัน แต่หากผู้ป่วยมีไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูง แนะนำหลีกเลี่ยงไข่แดง หรือทานไข่ได้ 2-3 ฟอง/สัปดาห์
3. ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน และมีโรคไตร่วมด้วยแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือนักกำหนดอาหารเพื่อสอบถามเกี่ยวกับปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในการรับประทาน
5. หมวดน้ำมัน (Oil)
น้ำมัน 1 ส่วน เท่ากับ ไม่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน มีไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
- ชนิดที่ 1 น้ำมันที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA) 1 ส่วน ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง ถั่วลิสง งาขาว/งาดำ น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า เมล็ดมะม่วงหิมพานต์/อัลมอนด์ - ชนิดที่ 2 น้ำมันที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) 1 ส่วน ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด มายองเนส เมล็ดทานตะวัน เมล็ดถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย/ดอกทานตะวัน - ชนิดที่ 3 น้ำมันที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัว (SATURATED FATTY ACID) 1 ส่วน ไขมัน 5 กรัม ให้พลังงาน 45 กิโลแคลอรี่
ได้แก่ น้ำมันหมู/ไก่ น้ำมันวัว เนื้อมะพร้าวขูด เบคอน เนยสด/เนยขาว ครีมสด น้ำมันปาล์ม กะทิ
คำแนะนำในหมวดเนื้อสัตว์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำให้ใช้น้ำมัน 6 ช้อนชา/วัน โดยเลือกใช้น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันรำข้าวในการประกอบอาหาร
2. เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันน้อยเป็นส่วนประกอบ เช่น อาหารประเภทต้ม อบ นึ่ง ย่าง แทนการทอด ผัด
3. หลีกเลี่ยงอาหารใส่กะทิ อาจตักรับประทานแค่เนื้อลดการซดน้ำลงเพื่อเป็นการลดรับน้ำมัน
6. หมวดนม และผลิตภัณฑ์จากนม (Milk)
นม 1 ส่วน หรือนมที่มีปริมาณ 240 มิลลิลิตร
ปริมาณ 1 ส่วนของนมชนิดอื่นๆ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยเล็ก (110 กรัม)
- นมผง 4 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
- นมปรุงแต่รส เช่น นมเปรี้ยว นมสตรอว์เบอร์รี่ จะมีการเติมน้ำตาลเพิ่ม
คำแนะนำในหมวดเนื้อสัตว์ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
1. แนะนำเลือกดื่มนมรสจืดแบบพร่องมันเนย หรือขาดมันเนยแทนนมปรุงแต่งรส
2. หากดื่มนมปรุงแต่งรส เช่น นมเปรี้ยว นมสตรอว์เบอร์รี่ แนะนำให้อ่านฉลากโภชนาการก่อนรับประทาน
ข้อมูลจาก นักกำหนดอาหาร แผนกโภชนาการ คลิก!! ติดตามข่าวสารกับนักกำหนดอาหาร