“โนโรไวรัส” โรคระบาดในเด็ก

อาการ โนโรไวรัส

"โนโรไวรัส" ก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร มีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมงหลังรับเชื้อ จึงมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารเป็นพิษ มีอาการคล้ายกัน คือ อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย ไข้ต่ำๆ อาการรุนแรงในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุอาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หรืออาจให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

โนโรไวรัส ระบาดบ่อยในหน้าหนาว พบตามโรงเรียน ภัตตาคาร แคมป์ โรงพยาบาล  สถานเลี้ยงเด็ก หรือแม้แต่เรือ รถท่องเที่ยว

การติดต่อ โนโรไวรัส

"โนโรไวรัส" ติดต่อได้หลายทาง เช่น การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น อาหารทะเล ผักผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง หรือสิ่งของที่มีเชื้ออยู่ แล้วนำนิ้วเข้าปากโดยเฉพาะในเด็ก ดังนั้นจึงมักพบ โนโรไวรัส ระบาดอย่างรวดเร็วในโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถม เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นและทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมันและน้ำตาลของลำไส้เล็ก 

การแพร่กระจายโรค

โนโรไวรัสเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนสามารถติดต่อได้ง่าย โดยสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม และติดต่อทางอากาศ การหายใจได้ เช่นการหายใจใกล้กับผู้ป่วยที่อาเจียน เมื่อตรวจอุจจาระจะพบเชื้ออยู่ได้นานเป็นสัปดาห์ หลังจากผู้ป่วยไม่มีอาการแล้ว

 

 

การรักษา

โรคโนโรไวรัส รักษาตามอาการ อาเจียน ให้ยาแก้อาเจียน ถ้าถ่ายมาก ขาดน้ำ ให้สารละลายเกลือแร่หรือน้ำเกลือ การให้ยาปฏิชีวนะ จึงจะไม่ได้ประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อโนโรไวรัส

วิธีการป้องกันโนโรไวรัส

  • ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
  • หลีกเลี่ยงน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด
  • ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน หรือใช้หลักการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ควรล้างมือด้วยสบู่ ถูให้ทั่วนาน 15 วินาที

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E

อาการ โนโรไวรัส

"โนโรไวรัส" ก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร มีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมงหลังรับเชื้อ จึงมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารเป็นพิษ มีอาการคล้ายกัน คือ อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย ไข้ต่ำๆ อาการรุนแรงในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุอาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หรืออาจให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

โนโรไวรัส ระบาดบ่อยในหน้าหนาว พบตามโรงเรียน ภัตตาคาร แคมป์ โรงพยาบาล  สถานเลี้ยงเด็ก หรือแม้แต่เรือ รถท่องเที่ยว

การติดต่อ โนโรไวรัส

"โนโรไวรัส" ติดต่อได้หลายทาง เช่น การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น อาหารทะเล ผักผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง หรือสิ่งของที่มีเชื้ออยู่ แล้วนำนิ้วเข้าปากโดยเฉพาะในเด็ก ดังนั้นจึงมักพบ โนโรไวรัส ระบาดอย่างรวดเร็วในโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถม เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้นและทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมันและน้ำตาลของลำไส้เล็ก 

การแพร่กระจายโรค

โนโรไวรัสเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนสามารถติดต่อได้ง่าย โดยสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม และติดต่อทางอากาศ การหายใจได้ เช่นการหายใจใกล้กับผู้ป่วยที่อาเจียน เมื่อตรวจอุจจาระจะพบเชื้ออยู่ได้นานเป็นสัปดาห์ หลังจากผู้ป่วยไม่มีอาการแล้ว

การรักษา

โรคโนโรไวรัส รักษาตามอาการ อาเจียน ให้ยาแก้อาเจียน ถ้าถ่ายมาก ขาดน้ำ ให้สารละลายเกลือแร่หรือน้ำเกลือ การให้ยาปฏิชีวนะ จึงจะไม่ได้ประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อโนโรไวรัส

วิธีการป้องกันโนโรไวรัส

  • ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
  • หลีกเลี่ยงน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด
  • ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน หรือใช้หลักการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ควรล้างมือด้วยสบู่ ถูให้ทั่วนาน 15 วินาที

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง