รักษาปัญหาผิวด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser)
รักษาปัญหาผิวด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser) เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร สามารถตัดและทำลายเนื้อเยื่อที่มีปัญหาได้โดยไม่ทำให้เลือดออก หรือเลือดออกน้อย เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์เป็นเลเซอร์ที่มีความละเอียดในการทำงานสูง จึงสามารถเลือกทำลายเฉพาะเนื้อเยื่อที่ต้องการ
Co2 Laser รักษาอะไรได้บ้าง?
การรักษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 สำหรับจี้ทำลายเนื้อเยื่อ (CO2 Laser) ใช้รักษา
- กระเนื้อ ไฝ ขี้แมลงวัน
- ติ่งเนื้องอกบริเวณคอ หรือลำตัว
- เนื้องอกของต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ หรือเนื้องอกผิวหนังอื่น ๆ
- สิวข้าวสาร สิวหิน
- หูด
กลุ่มที่ 2 สำหรับกรอผิว (Fractional CO2 Laser) ใช้รักษา
- หลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบ
- รูขุมขนกว้าง
- ริ้วรอย
- รอยแตกลาย รอยแผลเป็น
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์
- ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
- ควรหยุดการรับประทานยา สมุนไพรหรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการทำเลเซอร์
- ผู้ป่วยมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมีผู้ปกครองมาด้วยในวันนัด เพื่อลงลายมือชื่ออนุญาตให้ผู้ป่วยทำเลเซอร์ต่อหน้าพยาน
การดูแลหลังทำคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser)
- หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณที่ทำเลเซอร์อย่างน้อย 24 - 48 ชม.
- ทาครีมปฏิชีวนะ หรือขี้ผึ้งวาสลีนตามคำแนะนำของแพทย์
- ห้ามถู แกะ เกา บริเวณที่ทำเลเซอร์ โดยปกติสะเก็ดจะหลุดออกเองภายใน 7 - 14 วัน (หลังสะเก็ดหลุด จะเห็นเป็นผิวสีชมพู จากนั้นจะหายเป็นปกติ) ในบางรายอาจมีรอยดำหลังการอักเสบได้
- หลังสะเก็ดแผลหลุด ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำเลเซอร์ได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังทำ
- อาการปวด แสบร้อนเป็นช่วงๆ ขณะได้รับการรักษา
- อาการบวมและน้ำเหลืองซึม อาการจะหายไปภายใน 5 - 7 วัน
- ผิวหนังมีสีแดง สีแดงจะค่อยๆ จางเป็นสีชมพูโดยใช้เวลาหลายสัปดาห์ และจะกลับเป็นสีปกติตามธรรมชาติภายในเวลา 3-4 เดือน
- สีผิวเข้มขึ้น อาการนี้จะจางลงภายในเวลา 2 - 6 เดือน อาการนี้จะพบบ่อยในผู้ป่วยที่มีผิวคล้ำ และจะเป็นมากขึ้นเมื่อบริเวณที่ได้รับการรักษาถูกแสงแดดจัด
- สีผิวจางลง สามารถเกิดขึ้นได้กับบริเวณที่ได้รับการรักษาหลายครั้ง รอยจางนี้จะหายเป็นปกติได้ แต่อาจใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจเป็นการเปลี่ยนแปลงถาวร ซึ่งพบได้น้อยมาก
- รอยแผลเป็น พบน้อยมากจากการรักษาแต่อาจเกิดขึ้นได้ในรายที่ผิวหนังถูกกระทบกระเทือน ซึ่งการปฏิบัติตนตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด ช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A
บทความที่เกี่ยวข้อง
รักษาปัญหาผิวด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser) เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร สามารถตัดและทำลายเนื้อเยื่อที่มีปัญหาได้โดยไม่ทำให้เลือดออก หรือเลือดออกน้อย เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์เป็นเลเซอร์ที่มีความละเอียดในการทำงานสูง จึงสามารถเลือกทำลายเฉพาะเนื้อเยื่อที่ต้องการ
Co2 Laser รักษาอะไรได้บ้าง?
การรักษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 สำหรับจี้ทำลายเนื้อเยื่อ (CO2 Laser) ใช้รักษา
- กระเนื้อ ไฝ ขี้แมลงวัน
- ติ่งเนื้องอกบริเวณคอ หรือลำตัว
- เนื้องอกของต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ หรือเนื้องอกผิวหนังอื่น ๆ
- สิวข้าวสาร สิวหิน
- หูด
กลุ่มที่ 2 สำหรับกรอผิว (Fractional CO2 Laser) ใช้รักษา
- หลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบ
- รูขุมขนกว้าง
- ริ้วรอย
- รอยแตกลาย รอยแผลเป็น
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์
- ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
- ควรหยุดการรับประทานยา สมุนไพรหรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการทำเลเซอร์
- ผู้ป่วยมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องมีผู้ปกครองมาด้วยในวันนัด เพื่อลงลายมือชื่ออนุญาตให้ผู้ป่วยทำเลเซอร์ต่อหน้าพยาน
การดูแลหลังทำคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser)
- หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณที่ทำเลเซอร์อย่างน้อย 24 - 48 ชม.
- ทาครีมปฏิชีวนะ หรือขี้ผึ้งวาสลีนตามคำแนะนำของแพทย์
- ห้ามถู แกะ เกา บริเวณที่ทำเลเซอร์ โดยปกติสะเก็ดจะหลุดออกเองภายใน 7 - 14 วัน (หลังสะเก็ดหลุด จะเห็นเป็นผิวสีชมพู จากนั้นจะหายเป็นปกติ) ในบางรายอาจมีรอยดำหลังการอักเสบได้
- หลังสะเก็ดแผลหลุด ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำเลเซอร์ได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังทำ
- อาการปวด แสบร้อนเป็นช่วงๆ ขณะได้รับการรักษา
- อาการบวมและน้ำเหลืองซึม อาการจะหายไปภายใน 5 - 7 วัน
- ผิวหนังมีสีแดง สีแดงจะค่อยๆ จางเป็นสีชมพูโดยใช้เวลาหลายสัปดาห์ และจะกลับเป็นสีปกติตามธรรมชาติภายในเวลา 3-4 เดือน
- สีผิวเข้มขึ้น อาการนี้จะจางลงภายในเวลา 2 - 6 เดือน อาการนี้จะพบบ่อยในผู้ป่วยที่มีผิวคล้ำ และจะเป็นมากขึ้นเมื่อบริเวณที่ได้รับการรักษาถูกแสงแดดจัด
- สีผิวจางลง สามารถเกิดขึ้นได้กับบริเวณที่ได้รับการรักษาหลายครั้ง รอยจางนี้จะหายเป็นปกติได้ แต่อาจใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจเป็นการเปลี่ยนแปลงถาวร ซึ่งพบได้น้อยมาก
- รอยแผลเป็น พบน้อยมากจากการรักษาแต่อาจเกิดขึ้นได้ในรายที่ผิวหนังถูกกระทบกระเทือน ซึ่งการปฏิบัติตนตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด ช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A
บทความที่เกี่ยวข้อง