ส่องกล้องมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งระบบทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง ได้แก่ อายุที่มากขึ้น รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารแช่แข็ง หรืออาหารแปรรูปอย่างไส้กรอก กุนเชียง

ปัจจุบันมะเร็งระบบทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ การตรวจรักษาระบบทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ก็เหมือนการตรวจสุขภาพ เป็นการไปตรวจเช็กสุขภาพของทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ของเรา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก สามารถทำได้อย่างปลอดภัยและผู้ป่วยก็ได้ประโยชน์อย่างมาก

อาการผิดปกติที่ควรได้รับการส่องกล้อง

  1. มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ เช่น ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
  2. ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน อาจมีสีแดงสดหรือสีคล้ำ มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
  3. เวลาถ่ายเบ่งอุจจาระมีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักและมีเลือดออก
  4. มีอาการแน่น อึดอัดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้องร่วมด้วย
  5. มีก้อนในท้อง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย
  6. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจส่องกล้องทางทวารหนักเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

เตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องเข้ารับการตรวจ

การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง เพราะปัจจัยที่มีผลต่อการส่องกล้องและวินิจฉัยคือระดับความสะอาดของการเตรียมลำไส้ใหญ่ เพราะหากเตรียมลำไส้ได้ไม่ดี อาจทำให้แพทย์เห็นภาพไม่ชัดเจนและมองไม่เห็นติ่งเนื้อหรือแผลต่างๆ ภายในลำไส้ได้ หรืออาจจะต้องงดการตรวจในวันนั้น

เตรียมตัวก่อนการตรวจ/รักษา

ก่อนการตรวจวันที 1

  • งดทานผักและผลไม้ทุกชนิด
  • รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หรืออาหารที่ไม่มีกาก เช่น ข้าวต้ม โจ๊กไม่ใส่เนื้อสัตว์และผัก ขนมปัง ไข่ เต้าหู้
  • ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับยาระบายเพิ่มก่อนนอน

ก่อนการตรวจวันที่ 2

  • งดทานผักและผลไม้ทุกชนิด
  • รับประทานอาหารเหลว เช่น น้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง นมสด น้ำซุป โอวัลติน น้ำหวาน
  • ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับยาระบายเพิ่มก่อนนอน

*ในกรณีที่ดื่มยาลำบาก อาจพิจารณาผสมยาในน้ำผลไม้ที่ไม่มีเนื้อหรือกากใย หรือน้ำอัดลม 1 แก้ว ยกเว้นผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน โรคไต หรือตั้งครรภ์ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบ

ข้อปฏิบัติหลังทานยาระบาย

  • หลังการดื่มยาระบายจะทำให้ถ่ายอุจจาระบ่อย ควรดื่มน้ำ 1 แก้วทุกครั้งที่ถ่ายอุจจาระ
  • งดดื่มชา กาแฟ เพราะทำให้ปัสสาวะมาก
  • ไม่ควรดื่มนมและรับประทานอาหาร หลังดื่มยาระบาย
  • งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มก่อนการตรวจ 6 – 8 ชม.
  • ถ้าทำการเตรียมลำไส้ได้ดี ลักษณะอุจจาระจะเหลวและค่อนข้างเป็นน้ำใส

การปฏิบัติตัวภายหลังการส่องกล้อง

  • สังเกตอุจจาระ อาจมีเลือดปนบ้างเล็กน้อย แต่หากมีเลือดออกมากผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
  • ในผู้ป่วยบางรายที่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ ห้ามขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำงานที่ต้องตัดสินใจอย่างน้อย 24 ชม. หลังเข้ารับการตรวจ
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก ท้องอืดร่วมกับมีอาการท้องแข็งตึง กดแล้วเจ็บ มีไข้สูง ควรรีบไปพบแพทย์
  • ควรมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

การเตรียมตัวข้างต้นนี้ใช้กับผู้ป่วยทั่วๆ ไปเท่านั้น หากท่านมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ มีลิ้นหัวใจเทียม มีภาวะเลือดออกผิดปกติ กำลังได้รับยาแอสไพรินหรือยาละลายลิ่มเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนการตรวจ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ชั้น 4 โซน A

ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งระบบทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง ได้แก่ อายุที่มากขึ้น รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารแช่แข็ง หรืออาหารแปรรูปอย่างไส้กรอก กุนเชียง

ปัจจุบันมะเร็งระบบทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจส่องกล้องทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ การตรวจรักษาระบบทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ก็เหมือนการตรวจสุขภาพ เป็นการไปตรวจเช็กสุขภาพของทางเดินอาหารและลำไส้ใหญ่ของเรา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก สามารถทำได้อย่างปลอดภัยและผู้ป่วยก็ได้ประโยชน์อย่างมาก

อาการผิดปกติที่ควรได้รับการส่องกล้อง

  1. มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ เช่น ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
  2. ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน อาจมีสีแดงสดหรือสีคล้ำ มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
  3. เวลาถ่ายเบ่งอุจจาระมีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักและมีเลือดออก
  4. มีอาการแน่น อึดอัดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้องร่วมด้วย
  5. มีก้อนในท้อง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย
  6. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจส่องกล้องทางทวารหนักเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

เตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องเข้ารับการตรวจ

การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง เพราะปัจจัยที่มีผลต่อการส่องกล้องและวินิจฉัยคือระดับความสะอาดของการเตรียมลำไส้ใหญ่ เพราะหากเตรียมลำไส้ได้ไม่ดี อาจทำให้แพทย์เห็นภาพไม่ชัดเจนและมองไม่เห็นติ่งเนื้อหรือแผลต่างๆ ภายในลำไส้ได้ หรืออาจจะต้องงดการตรวจในวันนั้น

เตรียมตัวก่อนการตรวจ/รักษา

ก่อนการตรวจวันที 1

  • งดทานผักและผลไม้ทุกชนิด
  • รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หรืออาหารที่ไม่มีกาก เช่น ข้าวต้ม โจ๊กไม่ใส่เนื้อสัตว์และผัก ขนมปัง ไข่ เต้าหู้
  • ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับยาระบายเพิ่มก่อนนอน

ก่อนการตรวจวันที่ 2

  • งดทานผักและผลไม้ทุกชนิด
  • รับประทานอาหารเหลว เช่น น้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง นมสด น้ำซุป โอวัลติน น้ำหวาน
  • ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับยาระบายเพิ่มก่อนนอน

*ในกรณีที่ดื่มยาลำบาก อาจพิจารณาผสมยาในน้ำผลไม้ที่ไม่มีเนื้อหรือกากใย หรือน้ำอัดลม 1 แก้ว ยกเว้นผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน โรคไต หรือตั้งครรภ์ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบ

ข้อปฏิบัติหลังทานยาระบาย

  • หลังการดื่มยาระบายจะทำให้ถ่ายอุจจาระบ่อย ควรดื่มน้ำ 1 แก้วทุกครั้งที่ถ่ายอุจจาระ
  • งดดื่มชา กาแฟ เพราะทำให้ปัสสาวะมาก
  • ไม่ควรดื่มนมและรับประทานอาหาร หลังดื่มยาระบาย
  • งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มก่อนการตรวจ 6 – 8 ชม.
  • ถ้าทำการเตรียมลำไส้ได้ดี ลักษณะอุจจาระจะเหลวและค่อนข้างเป็นน้ำใส

การปฏิบัติตัวภายหลังการส่องกล้อง

  • สังเกตอุจจาระ อาจมีเลือดปนบ้างเล็กน้อย แต่หากมีเลือดออกมากผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
  • ในผู้ป่วยบางรายที่ได้รับยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ ห้ามขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำงานที่ต้องตัดสินใจอย่างน้อย 24 ชม. หลังเข้ารับการตรวจ
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องมาก ท้องอืดร่วมกับมีอาการท้องแข็งตึง กดแล้วเจ็บ มีไข้สูง ควรรีบไปพบแพทย์
  • ควรมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

การเตรียมตัวข้างต้นนี้ใช้กับผู้ป่วยทั่วๆ ไปเท่านั้น หากท่านมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ มีลิ้นหัวใจเทียม มีภาวะเลือดออกผิดปกติ กำลังได้รับยาแอสไพรินหรือยาละลายลิ่มเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนการตรวจ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ชั้น 4 โซน A


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง