กระดูกสันหลังเสื่อม ไม่ต้องรอแก่ก็เสี่ยงได้
โรคกระดูกสันหลังเสื่อม คือ กระดูกสันหลังมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างที่เปลี่ยนไปตามความเสื่อมที่เกิดขึ้น เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังที่แคบลง ผิวข้อกระดูกไม่เรียบ และคุณสมบัติของกระดูกสันหลังที่รับน้ำหนักได้ลดลง เคลื่อนไหวได้น้อยลง
โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเกิดจากอะไร?
- การเปลี่ยนแปลงตามอายุเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างที่ถูกส่งผ่านพันธุกรรมมาในแต่ละคนทำให้มีความแข็งแรงของโครงสร้างไม่เท่ากัน
- การเปลี่ยนแปลงตามการใช้งาน ถ้ามีการใช้งานเกินความสามรถของกระดูกสันหลังก็จะทำให้เกิดการเสื่อมได้เร็วขึ้น เช่น การก้มยกของหนักบ่อย ๆ
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อม?
- ทุกคนสามารถเป็นกระดูกสันหลังเสื่อมได้ เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของระยะเวลาในการใช้งาน บางคนมีความเสื่อมของกระดูกสันหลังเร็ว บางคนเกิดขึ้นช้า
สาเหตุ
- เกิดจากโครงสร้างกระดูกสันหลังที่ถูกสร้างขึ้นมาไม่แข็งแรงเท่าคนอื่น
ผู้ป่วยจะมีความเสื่อมเร็วจากโครงสร้างผิดปกติ ทำให้เกิดความเสื่อมเร็ว และมีอาการได้ง่ายแม้ว่าอายุยังน้อยอยู่ บางรายมักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ในทางการแพทย์พบสาเหตุในกลุ่มนี้พบได้ไม่มาก
- เกิดจากการใช้งานกระดูกสันหลังมากเกินความสามารถ
เช่น การก้มยกของหนักมาก ๆ น้ำหนักที่เรายกจะส่งผ่านกระดูกสันหลังทำให้เกิดการบาดเจ็บของหมอนรองกระดูกสันหลัง เมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำๆทำให้เกิดความเสื่อมของกระดูกสันหลังได้ ร่างกายจะพยายามปรับตัวโดยการซ่อมแซมทำให้กระดูกและหมอนรองกระดูกสันหลังแข็งมากขึ้นเพื่อให้รับน้ำหนักได้ดีขึ้น แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นก็จะมีความยืดหยุ่นของร่างกายลดลง รวมถึงกระดูกสันหลังบริเวณที่ต้องรับน้ำหนักจะเกิดการซ่อมแซม เปลี่ยนรูป ทำให้กระดูกและข้อมีขนาดโตมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของกระดูกสันหลังอาจจะไปกดเบียดเส้นประสาทที่อยู่ข้างเคียงร่วมด้วย
อาการ
1. มีอาการปวดหลัง หรือปวดจากกล้ามเนื้อรอบๆ
กระดูกสันหลังที่ต้องทำงานแทนโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง ลักษณะอาการปวดหลังมักจะมากขึ้นเวลามีการใช้งาน เช่น การก้มเงย การยกของ
2. เคลื่อนไหวได้ลดลง
เช่น ก้มเงยลำบาก หลังแข็งตึง จากความยืดหยุ่นที่ลดลงและข้อที่ขยับได้น้อยลง โดยเฉพาะเวลาลุกจากเตียงผู้ป่วยต้องใช้เวลามากกว่าปกติ
3. มีอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรงตามแนวเส้นประสาท
อาการที่เป็นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งการกดทับเส้นประสาท ถ้าเป็นจากโรคกระดูกสันหลังส่วนคอมักจะมีอาการของระบบประสาทที่แขนและมือ แต่ถ้าเป็นจากโรคกระดูกสันหลังส่วนเอวจะทำให้มีอาการทางระบบประสาทที่ขา
การป้องกัน
1. หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานาน ๆ
เช่น การก้มเล่นมือถือนานๆ การขับรถทางไกลโดยไม่หยุดพัก หรือการก้มยกของหนัก รวมทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยได้อย่างมาก
2. คนไข้ที่มีน้ำหนักตัวมากผิดปกติ
ทำให้กระดูกสันหลังต้องรับน้ำหนักเกินความสามารถตลอดเวลา การลดน้ำหนักสามารถช่วยให้ภาระต่อกระดูกสันหลังลดลง
3. การออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
จะช่วยทำให้การทำงานของกระดูกสันหลังสามารถชะลอความเสื่อมได้
วิธีการรักษา
1. การรักษาด้วยยา
มีความจำเป็นเฉพาะในกรณีที่มีอาการปวดมาก หรือมีอาการปวดตามเส้นประสาท (การกินยาแก้ปวดเป็นระยะเวลานานจะต้องระวังผลแทรกซ้อนจากยา)
2. การทำกายภาพบำบัด
เพื่อลดอาการปวดและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลัง
3. การใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงคอและพยุงหลัง
มักจะใช้ช่วงที่ปวดมาก เมื่ออาการดีขึ้นควรงดการใช้เนื่องจากจะส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังมีความแข็งแรงลดลง
4. การฉีดยาลดอาการปวดตามเส้นประสาท
ในบางครั้งผู้ป่วยที่มีอาการปวดรุนแรงไม่ดีขึ้นจากการรักษา แพทย์อาจจะพิจารณาการฉีดยาลดอาการปวดตามเส้นประสาทได้ เพื่อลดอาการในช่วงที่มีอาการรุนแรง และมีประโยชน์ในการบอกถึงตำแหน่งที่ทำให้เกิดอาการปวดได้
5. การผ่าตัด
หากการรักษาไม่ดีขึ้นแพทย์อาจพิจารณาให้ทำการผ่าตัด
เคล็ดลับดูแลกระดูกสันหลังให้มีสุขภาพดี
1. รักษาท่าทางที่ดี ยืน นั่ง และเดิน โดยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง หลีกเลี่ยงการงอหลังหรือโน้มตัวไปข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องนั่งนาน ๆ
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกาย เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะ ช่วยให้กระดูกสันหลังยืดหยุ่นและแข็งแรง
3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง เช่น กล้ามท้องและหลังส่วนล่าง เพื่อช่วยพยุงกระดูกสันหลัง
4. ยกของให้ถูกวิธี เมื่อยกของหนัก ให้งอเข่า และให้ของอยู่ใกล้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้หลังเคล็ด
5. นอนบนที่นอนที่ดี ตรวจสอบว่าที่นอนของคุณรองรับกระดูกสันหลังอย่างเหมาะสม การนอนหงายหรือนอนตะแคงจะดีกว่าการนอนคว่ำ
6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเบาะรองกระดูกสันหลัง
7. รักษาน้ำหนักให้เหมาะสม น้ำหนักที่มากเกินไปอาจทำให้กระดูกสันหลังรับน้ำหนักมากเกินไป ดังนั้นการรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมจึงสำคัญ
8. ยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ รวมการยืดกล้ามเนื้อในกิจวัตรประจำวันของคุณเพื่อรักษาความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลังและป้องกันการแข็งเกร็ง
9. ระวังการเคลื่อนไหว หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่กระตุกหรือรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้กระดูกสันหลังเคล็ดได้
10. ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
คำถามที่พบบ่อย
ทานคอลลาเจนรักษากระดูกสันหลังเสื่อมได้ไหม?
- ในปัจจุบันยังไม่มีผลพิสูจน์ทางการแพทย์ที่ยืนยันผลของคอลลาเจนว่าสามารถลดความเสื่อมของกระดูกสันหลังได้
การจัดกระดูกช่วยเรื่องกระดูกสันหลังเสื่อมหรือไม่?
- การจัดกระดูกสันหลังยังไม่ได้เป็นการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องความเสื่อมของกระดูกสันหลัง
หากไม่รักษากระดูกสันหลังเสื่อมจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ไหม?
- กระดูกสันหลังเสื่อมถ้าไม่ได้มีการกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง ไม่มีโอกาสเกิดอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ในผู้ป่วยที่มีการกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังจากความเสื่อมของกระดูกสันหลังจะมีอาการเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปช้าๆ ยกเว้นกรณีที่มีอุบัติเหตุร่วมด้วยในผู้ป่วยที่มีความเสื่อมของกระดูกสันหลังที่มีการกดทับเส้นประสาทอยู่แล้ว อุบัติเหตุจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของระบบประสาทที่รุนแรงได้
หากสงสัยว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ออร์โธปิดิกส์ เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มแรกด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรง
ข้อมูลจาก : ผศ.นพ.มนต์ชัย เรืองชัยนิคม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ ชั้น 2 โซน A
หากสงสัยว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ออร์โธปิดิกส์ เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มแรกด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้อาการรุนแรง
ข้อมูลจาก : ผศ.นพ.มนต์ชัย เรืองชัยนิคม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ ชั้น 2 โซน A