วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด

โรคงูสวัด (Herpes Zoster/ Shingles) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella-zoster virus, VZV) ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โดยเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ หรือการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง เมื่อหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อจะไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย ทำให้เกิดโรคงูสวัดขึ้นได้ในภายหลัง เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง เชื้อที่แฝงตัวอยู่ก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนทำให้มีอาการปวด แสบร้อน บริเวณผิวหนังมีผื่นแดง กลายเป็นตุ่มน้ำใส มักเรียงกันเป็นกลุ่มหรือแถวยาวตามแนวเส้นประสาทและจะแตกออกเป็นแผลจนตกสะเก็ด

โรคงูสวัดจะรุนแรงมากขึ้นหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังอยู่ในช่วงรับยาเคมีบำบัด เป็นต้น

การป้องกันโรคงูสวัด

1. แนะนำฉีดวัคชีนป้องกันโรคงูสวัด

2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella-zoster virus)

3. สร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการดูแลสุขภาพ ลดความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด

วัคซีนชนิดไม่ใช่เชื้อเป็น (Recombinant Zoster Vaccine, Adjuvanted; RZV) ใช้ในการป้องกันโรคงูสวัด โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สำหรับ

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จำนวน 2 เข็ม ขนาดเข็มละ 0.5 มล. ห่างกัน 2 ถึง 6 เดือน
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการเป็นโรคงูสวัด เนื่องจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง จำนวน 2 เข็ม ขนาดเข็มละ 0.5 มล. ห่างกัน 1 ถึง 2 เดือน

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ผู้ที่เคยเป็นงูสวัดมาก่อน สามารถรับวัคซีนงูสวัดได้ โดยให้เว้นระยะห่างหลังจากเป็นงูสวัดอย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือน
  • ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็น (Zoster Vaccine Live; ZVL) มาก่อน สามารถรับวัคซีนงูสวัดชนิดไม่ใช่เชื้อเป็นนี้ได้ โดยฉีด 2 เข็ม และเว้นระยะห่างจากวัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็นอย่างน้อย 2 เดือน

แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลก่อนการรับวัคชีน เนื่องจากวัคชีนนี้มีข้อจำกัดในบุคคลบางกลุ่ม เช่น

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคชีน
  • หญิงตั้งครรภ์

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีน

1. อาการปวดบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่มาก สามารถหายไปเองภายใน 2 - 3 วันหลังฉีดวัคซีน

2. อาการแพ้วัคซีน พบได้น้อยมาก หากมีอาการแพ้ จะมีอาการปรากฎให้เห็นภายใน 2 - 3 นาที ถึง 2 - 3 ชั่วโมงโดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ทันที

3. ผลข้างเคียงที่พบน้อยมาก ๆ หนึ่งในล้าน คือ เกิดกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ซินโดรม (Guillain-Barré syndrome, GBS) ซึ่งเกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาทำลายเซลล์ประสาทของตัวเอง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หากเป็นมากก็อ่อนแรงถึงอัมพาต ซึ่งส่วนใหญ่กลับมาหายเป็นปกติได้

ราคาวัคซีนต่อเข็ม

6,153 บาท (ราคา ณ มิ.ย. 68 อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลยา ฝ่ายวิชาการเภสัชสนเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกตรวจสุขภาพ ชั้น 4 โซน E

โรคงูสวัด (Herpes Zoster/ Shingles) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella-zoster virus, VZV) ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โดยเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ หรือการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง เมื่อหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อจะไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย ทำให้เกิดโรคงูสวัดขึ้นได้ในภายหลัง เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง เชื้อที่แฝงตัวอยู่ก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนทำให้มีอาการปวด แสบร้อน บริเวณผิวหนังมีผื่นแดง กลายเป็นตุ่มน้ำใส มักเรียงกันเป็นกลุ่มหรือแถวยาวตามแนวเส้นประสาทและจะแตกออกเป็นแผลจนตกสะเก็ด

โรคงูสวัดจะรุนแรงมากขึ้นหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังอยู่ในช่วงรับยาเคมีบำบัด เป็นต้น

การป้องกันโรคงูสวัด

1. แนะนำฉีดวัคชีนป้องกันโรคงูสวัด

2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella-zoster virus)

3. สร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการดูแลสุขภาพ ลดความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด

วัคซีนชนิดไม่ใช่เชื้อเป็น (Recombinant Zoster Vaccine, Adjuvanted; RZV) ใช้ในการป้องกันโรคงูสวัด โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สำหรับ

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จำนวน 2 เข็ม ขนาดเข็มละ 0.5 มล. ห่างกัน 2 ถึง 6 เดือน
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการเป็นโรคงูสวัด เนื่องจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง จำนวน 2 เข็ม ขนาดเข็มละ 0.5 มล. ห่างกัน 1 ถึง 2 เดือน

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ผู้ที่เคยเป็นงูสวัดมาก่อน สามารถรับวัคซีนงูสวัดได้ โดยให้เว้นระยะห่างหลังจากเป็นงูสวัดอย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือน
  • ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็น (Zoster Vaccine Live; ZVL) มาก่อน สามารถรับวัคซีนงูสวัดชนิดไม่ใช่เชื้อเป็นนี้ได้ โดยฉีด 2 เข็ม และเว้นระยะห่างจากวัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็นอย่างน้อย 2 เดือน

แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลก่อนการรับวัคชีน เนื่องจากวัคชีนนี้มีข้อจำกัดในบุคคลบางกลุ่ม เช่น

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคชีน
  • หญิงตั้งครรภ์

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีน

1. อาการปวดบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่มาก สามารถหายไปเองภายใน 2 - 3 วันหลังฉีดวัคซีน

2. อาการแพ้วัคซีน พบได้น้อยมาก หากมีอาการแพ้ จะมีอาการปรากฎให้เห็นภายใน 2 - 3 นาที ถึง 2 - 3 ชั่วโมงโดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงดัง หอบ เสียงแหบ ลมพิษ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ทันที

3. ผลข้างเคียงที่พบน้อยมาก ๆ หนึ่งในล้าน คือ เกิดกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ซินโดรม (Guillain-Barré syndrome, GBS) ซึ่งเกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาทำลายเซลล์ประสาทของตัวเอง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หากเป็นมากก็อ่อนแรงถึงอัมพาต ซึ่งส่วนใหญ่กลับมาหายเป็นปกติได้

ราคาวัคซีนต่อเข็ม

6,153 บาท (ราคา ณ มิ.ย. 68 อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลยา ฝ่ายวิชาการเภสัชสนเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกตรวจสุขภาพ ชั้น 4 โซน E


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง