อาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไต
รู้หรือไม่? เด็กๆ ก็เป็นโรคไตได้ โรคไตที่พบบ่อยในเด็กไทย ได้แก่
1. การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ อาจเกิดจากการขับถ่ายปัสสาวะไม่ถูกสุขลักษณะ หรือความผิดปกติของโครงสร้างของไตและระบบทางเดินปัสสาวะตั้งแต่กำเนิด
2. กลุ่มอาการเนโฟรติกหรือโรคไตรั่ว เด็กจะสูญเสียโปรตีนไข่ขาวไปทางปัสสาวะทำให้บวมไปทั้งตัว
3. โรคไตอักเสบ อาจเกิดภายหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลำคอหรือผิวหนัง หรือเกิดจากโรคเอสแอลอี (โรคภูมิต้านทำลายเนื้อเยื่อตนเอง) ผู้ป่วยจะมีอาการบวมหรือปัสสาวะเป็นเลือด/สีน้ำล้างเนื้อ
เด็กที่เป็น “โรคไตเรื้อรัง” ควรรับประทานอาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไต โดยได้รับพลังงานและสารอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งต้องปรับเลือกชนิดและปริมาณของอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะของโรคในผู้ป่วยแต่ละคน การรับประทานอาหารให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนและชะลอการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เด็กเป็นโรคไตเรื้อรังควรควบคุมและหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดเนื่องจากไตไม่สามารถทำงานได้ปกติ การได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลร้ายต่อไตได้
1. ปริมาณพลังงานและโปรตีน
เด็กที่เป็นโรคไตเรื้อรังควรได้รับพลังงานและโปรตีนเท่ากับเด็กปกติทั่วไป เพราะสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ เด็กอาจมีอาการเบื่ออาหารทำให้รับประทานได้น้อย และในกรณีเด็กที่ต้องรับการล้างไตทางช่องท้องควรได้รับโปรตีนเพิ่มเพื่อทดแทนส่วนที่เสียจากการล้างไต
2. ปริมาณน้ำและเกลือ (โซเดียม)
เด็กที่เป็นโรคไตเรื้อรังจะมีความต้องการน้ำและเกลือมากน้อยแตกต่างกันไป โรคไตเรื้อรังจากสาเหตุบางอย่างอาจทำให้ปัสสาวะมากจนร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือทางไตมากเกินควร จึงจำเป็นต้องได้รับน้ำและอาหารที่มีเกลือทดแทน ส่วนในผู้ป่วยที่ปัสสาวะน้อยและผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายจะมีน้ำและเกลือในร่างกายเกินความต้องการ อาจต้องจำกัดปริมาณน้ำและอาหารที่มีเกลือสูง
3. ปริมาณโพแทสเซียม
โดยทั่วไปผู้ป่วยมักไม่จำเป็นต้องจำกัดโพแทสเซียม ยกเว้นผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ในรายที่มีปัญหาปัสสาวะออกน้อยหรือมีโพแทสเซียมสูงในเลือด อาจต้องจำกัดโพแทสเซียมโดยการงดอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง และอาจใช้ยาเพิ่มการขับถ่ายโพแทสเซียมออกจากร่างกาย
4. ปริมาณฟอสเฟต
เมื่อการทำงานของไตเสื่อมลง ผู้ป่วยมักมีปัญหาฟอสเฟตในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้กระดูกเปราะ และมีการเจริญเติบโตผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาให้ใช้ยาจับฟอสเฟตในทางเดินอาหาร และขับทิ้งไปพร้อมอุจจาระ ยากลุ่มนี้จึงต้องรับประทานพร้อมมื้ออาหาร พร้อมมื้อนมและของว่างที่มีฟอสเฟตสูง โดยทั่วไปแพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสเฟตสูง แต่ในผู้ป่วยเด็กยังคงแนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์และนมจากสัตว์เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต
*** โรคไตเรื้อรังสามารถทำให้เกิดการเสื่อมของไตเพิ่มมากขึ้นได้ตามระยะเวลา อาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์เป็นระยะเพื่อขอรับคำแนะนำทางโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับตนเอง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไตเรื้อรัง
- เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ เต้าเจี้ยว น้ำจิ้มสุกี้ ผงชูรส
- อาหารตากแห้ง เช่น ปลาเค็ม กุ้งแห้ง หมูเค็ม เนื้อเค็ม
- อาหารหมักดอง เช่น กะปิ ไข่เค็ม เต้าหู้ยี้ ผัก และผลไม้ดอง
- เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ แหนม หมูแผ่น หมูหยอง ปลากระป๋อง ปลาเส้น
- อาหารกึ่งสำเร็งรูป เช่น โจ๊กผง ข้าวต้มผง บะหมี่กึ่งสำเร็งรูป ซุปผง ซุปก้อน
- ผงฟูที่ใช้ทำขนมอบต่างๆ เช่น ขนมปัง แพนเค้ก วาฟเฟิล มัฟฟิน ขนมเค้ก และสารกันบูด
- อาหารที่มีการโรยเกลือโดยตรง เช่น ข้าวโพดคั่ว มันฝรั่งทอด
อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
- เห็ด มันฝรั่ง มันเทศ แครอท หน่อไม้ฝรั่ง บรอคโคลี มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ แขนงกะหล่ำ ผักโขม ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักตำลึง ผักคะน้า
- กล้วย ขนุน ทุเรียน ฝรั่ง กระท้อน น้อยหน่า มะขามหวาน มะละกอ มะม่วง ลำไย ลูกพลับ ลูกพรุน มะปราง แอปริคอท อะโวคาโด แคนตาลูป กีวี
- น้ำมะพร้าว น้ำแครอท น้ำส้ม
อาหารที่มีฟอสเฟตสูง
- เนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก และไข่แดง
- เมล็ดธัญพืช ถั่วต่างๆ และผลิตภัณฑ์จากถั่ว
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม
- ช็อกโกแลตและผงโกโก้
- เครื่องดื่มประเภทโคล่า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์โรคไต ชั้น 6 โซน C
รู้หรือไม่? เด็กๆ ก็เป็นโรคไตได้ โรคไตที่พบบ่อยในเด็กไทย ได้แก่
1. การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ อาจเกิดจากการขับถ่ายปัสสาวะไม่ถูกสุขลักษณะ หรือความผิดปกติของโครงสร้างของไตและระบบทางเดินปัสสาวะตั้งแต่กำเนิด
2. กลุ่มอาการเนโฟรติกหรือโรคไตรั่ว เด็กจะสูญเสียโปรตีนไข่ขาวไปทางปัสสาวะทำให้บวมไปทั้งตัว
3. โรคไตอักเสบ อาจเกิดภายหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลำคอหรือผิวหนัง หรือเกิดจากโรคเอสแอลอี (โรคภูมิต้านทำลายเนื้อเยื่อตนเอง) ผู้ป่วยจะมีอาการบวมหรือปัสสาวะเป็นเลือด/สีน้ำล้างเนื้อ
เด็กที่เป็น “โรคไตเรื้อรัง” ควรรับประทานอาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไต โดยได้รับพลังงานและสารอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งต้องปรับเลือกชนิดและปริมาณของอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะของโรคในผู้ป่วยแต่ละคน การรับประทานอาหารให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนและชะลอการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เด็กเป็นโรคไตเรื้อรังควรควบคุมและหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดเนื่องจากไตไม่สามารถทำงานได้ปกติ การได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลร้ายต่อไตได้
1. ปริมาณพลังงานและโปรตีน
เด็กที่เป็นโรคไตเรื้อรังควรได้รับพลังงานและโปรตีนเท่ากับเด็กปกติทั่วไป เพราะสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ เด็กอาจมีอาการเบื่ออาหารทำให้รับประทานได้น้อย และในกรณีเด็กที่ต้องรับการล้างไตทางช่องท้องควรได้รับโปรตีนเพิ่มเพื่อทดแทนส่วนที่เสียจากการล้างไต
2. ปริมาณน้ำและเกลือ (โซเดียม)
เด็กที่เป็นโรคไตเรื้อรังจะมีความต้องการน้ำและเกลือมากน้อยแตกต่างกันไป โรคไตเรื้อรังจากสาเหตุบางอย่างอาจทำให้ปัสสาวะมากจนร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือทางไตมากเกินควร จึงจำเป็นต้องได้รับน้ำและอาหารที่มีเกลือทดแทน ส่วนในผู้ป่วยที่ปัสสาวะน้อยและผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายจะมีน้ำและเกลือในร่างกายเกินความต้องการ อาจต้องจำกัดปริมาณน้ำและอาหารที่มีเกลือสูง
3. ปริมาณโพแทสเซียม
โดยทั่วไปผู้ป่วยมักไม่จำเป็นต้องจำกัดโพแทสเซียม ยกเว้นผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ในรายที่มีปัญหาปัสสาวะออกน้อยหรือมีโพแทสเซียมสูงในเลือด อาจต้องจำกัดโพแทสเซียมโดยการงดอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง และอาจใช้ยาเพิ่มการขับถ่ายโพแทสเซียมออกจากร่างกาย
4. ปริมาณฟอสเฟต
เมื่อการทำงานของไตเสื่อมลง ผู้ป่วยมักมีปัญหาฟอสเฟตในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้กระดูกเปราะ และมีการเจริญเติบโตผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาให้ใช้ยาจับฟอสเฟตในทางเดินอาหาร และขับทิ้งไปพร้อมอุจจาระ ยากลุ่มนี้จึงต้องรับประทานพร้อมมื้ออาหาร พร้อมมื้อนมและของว่างที่มีฟอสเฟตสูง โดยทั่วไปแพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสเฟตสูง แต่ในผู้ป่วยเด็กยังคงแนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์และนมจากสัตว์เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต
*** โรคไตเรื้อรังสามารถทำให้เกิดการเสื่อมของไตเพิ่มมากขึ้นได้ตามระยะเวลา อาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์เป็นระยะเพื่อขอรับคำแนะนำทางโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับตนเอง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารสำหรับเด็กที่เป็นโรคไตเรื้อรัง
- เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ เต้าเจี้ยว น้ำจิ้มสุกี้ ผงชูรส
- อาหารตากแห้ง เช่น ปลาเค็ม กุ้งแห้ง หมูเค็ม เนื้อเค็ม
- อาหารหมักดอง เช่น กะปิ ไข่เค็ม เต้าหู้ยี้ ผัก และผลไม้ดอง
- เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ แหนม หมูแผ่น หมูหยอง ปลากระป๋อง ปลาเส้น
- อาหารกึ่งสำเร็งรูป เช่น โจ๊กผง ข้าวต้มผง บะหมี่กึ่งสำเร็งรูป ซุปผง ซุปก้อน
- ผงฟูที่ใช้ทำขนมอบต่างๆ เช่น ขนมปัง แพนเค้ก วาฟเฟิล มัฟฟิน ขนมเค้ก และสารกันบูด
- อาหารที่มีการโรยเกลือโดยตรง เช่น ข้าวโพดคั่ว มันฝรั่งทอด
อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
- เห็ด มันฝรั่ง มันเทศ แครอท หน่อไม้ฝรั่ง บรอคโคลี มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ แขนงกะหล่ำ ผักโขม ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักตำลึง ผักคะน้า
- กล้วย ขนุน ทุเรียน ฝรั่ง กระท้อน น้อยหน่า มะขามหวาน มะละกอ มะม่วง ลำไย ลูกพลับ ลูกพรุน มะปราง แอปริคอท อะโวคาโด แคนตาลูป กีวี
- น้ำมะพร้าว น้ำแครอท น้ำส้ม
อาหารที่มีฟอสเฟตสูง
- เนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก และไข่แดง
- เมล็ดธัญพืช ถั่วต่างๆ และผลิตภัณฑ์จากถั่ว
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม
- ช็อกโกแลตและผงโกโก้
- เครื่องดื่มประเภทโคล่า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์โรคไต ชั้น 6 โซน C