ภาวะไอ จาม ปัสสาวะเล็ด

   ภาวะไอ จาม ปัสสาวะเล็ด หมายถึง ภาวะปัสสาวะเล็ด/รั่ว ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของความดันในช่องท้อง เช่น ไอ จาม หัวเราะ ออกกำลังกาย หรือยกของหนัก ผู้ป่วยมักไม่มีความรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะ แต่ปัสสาวะที่เล็ดจะมีปริมาณไม่มาก บางครั้งผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องใส่ผ้าอนามัยรอง เพื่อช่วยขับไม่ให้ปัสสาวะเปรอะเปื้อน หากมีอาการรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

สาเหตุของภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด

เกิดได้ทั้งจากความผิดปกติภายในท่อปัสสาวะหรือกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งอยู่โดยรอบท่อปัสสาวะเกิดความเสียหาย จนไม่สามารถทำหน้าที่ยึดพยุงท่อปัสสาวะไว้ได้

ปัจจัยเสี่ยงของภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด
1. ผู้ที่ตั้งครรภ์และคลอดทางช่องคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีคลอดยาก หรือใช้เครื่องมือช่วยคลอด
2. ภาวะโรคอ้วน
3. ภาวะที่มีแรงดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น เช่น ไอเรื้อรัง ท้องผูก และยกของหนัก

การวินิจฉัยภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด

แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยจากการสอบถามอาการผิดปกติ ประเมินจากการจดบันทึกปริมาณปัสสาวะ (Bladder Diary)    การตรวจภายใน การตรวจภาวะปัสสาวะเล็ดโดยให้ผู้ป่วยไอ (Cough test) และการตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการ (Urodynamic) โดยแพทย์จะทำการประเมินระดับความรุนแรงเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

การรักษาภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด

1. การรักษาแบบประคับประคอง ได้แก่

- ลดน้ำหนัก

- การฝึกกลั้นปัสสาวะโดยการปรับเปลี่ยนท่าทาง เช่น ไขว้ขา ก้มตัวไปข้างหน้า

- การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบช่องคลอด (Kegel exercise)

- การใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงในช่องคลอด                                                                                

2. การรักษาโดยการผ่าตัด ได้แก่
- การผ่าตัดทางหน้าท้อง
เป็นการผ่าตัดเพื่อเย็บผนังช่องคลอดทางด้านหน้ามาช่วยเสริมความแข็งแรงของท่อปัสสาวะ (Burch Colposuspension) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีและราคาไม่แพง แต่ข้อเสีย คือ เจ็บแผล ใช้เวลาในการผ่าตัดนานและอาจมีปัญหาปัสสาวะไม่ออกหลังผ่าตัดได้

- การผ่าตัดทางช่องคลอด โดยใช้วัสดุสังเคราะห์หรือเทปวางใต้ท่อปัสสาวะเพื่อเสริมความแข็งแรงและป้องกันภาวะปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม เป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมใช้ในการรักษาเนื่องจากใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน ไม่มีแผลผ่าตัดทางหน้าท้องและผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว ปัจจุบันมีหลายในการผ่าตัด ได้แก่ TVT-O, Monarch, Miniarc และ  TVT ซึ่งแต่ละวิธีอาศัยหลักการเดียวกัน

 

ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
ถึงแม้การรักษาโดยการผ่าตัดจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายสูง หลังผ่าตัดอาจมีอาการปวดขาหนีบ ปัสสาวะลำบาก และอาจมีอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์จากเทปสังเคราะห์ ซึ่งอาจโผล่พ้นบริเวณที่เย็บปิดไว้ (Mesh Extrusion) ทำให้เจ็บและมีเลือดออกได้

อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์หลังผ่าตัด

- เลือดออกมากผิดปกติทางช่องคลอด

- ตกขาวมีกลิ่นเหม็น

- ปัสสาวะไม่ออก ต้องเบ่งขณะปัสสาวะ

- มีไข้สูง                                                                                                                                                            

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์นรีเวช ชั้น 2 โซน E

   ภาวะไอ จาม ปัสสาวะเล็ด หมายถึง ภาวะปัสสาวะเล็ด/รั่ว ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของความดันในช่องท้อง เช่น ไอ จาม หัวเราะ ออกกำลังกาย หรือยกของหนัก ผู้ป่วยมักไม่มีความรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะ แต่ปัสสาวะที่เล็ดจะมีปริมาณไม่มาก บางครั้งผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องใส่ผ้าอนามัยรอง เพื่อช่วยขับไม่ให้ปัสสาวะเปรอะเปื้อน หากมีอาการรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

สาเหตุของภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด

เกิดได้ทั้งจากความผิดปกติภายในท่อปัสสาวะหรือกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งอยู่โดยรอบท่อปัสสาวะเกิดความเสียหาย จนไม่สามารถทำหน้าที่ยึดพยุงท่อปัสสาวะไว้ได้

ปัจจัยเสี่ยงของภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด
1. ผู้ที่ตั้งครรภ์และคลอดทางช่องคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีคลอดยาก หรือใช้เครื่องมือช่วยคลอด
2. ภาวะโรคอ้วน
3. ภาวะที่มีแรงดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น เช่น ไอเรื้อรัง ท้องผูก และยกของหนัก

การวินิจฉัยภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด

แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยจากการสอบถามอาการผิดปกติ ประเมินจากการจดบันทึกปริมาณปัสสาวะ (Bladder Diary)    การตรวจภายใน การตรวจภาวะปัสสาวะเล็ดโดยให้ผู้ป่วยไอ (Cough test) และการตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการ (Urodynamic) โดยแพทย์จะทำการประเมินระดับความรุนแรงเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

การรักษาภาวะไอจามปัสสาวะเล็ด

1. การรักษาแบบประคับประคอง ได้แก่

- ลดน้ำหนัก

- การฝึกกลั้นปัสสาวะโดยการปรับเปลี่ยนท่าทาง เช่น ไขว้ขา ก้มตัวไปข้างหน้า

- การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบช่องคลอด (Kegel exercise)

- การใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงในช่องคลอด                                                                                

2. การรักษาโดยการผ่าตัด ได้แก่
- การผ่าตัดทางหน้าท้อง
เป็นการผ่าตัดเพื่อเย็บผนังช่องคลอดทางด้านหน้ามาช่วยเสริมความแข็งแรงของท่อปัสสาวะ (Burch Colposuspension) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีและราคาไม่แพง แต่ข้อเสีย คือ เจ็บแผล ใช้เวลาในการผ่าตัดนานและอาจมีปัญหาปัสสาวะไม่ออกหลังผ่าตัดได้

- การผ่าตัดทางช่องคลอด โดยใช้วัสดุสังเคราะห์หรือเทปวางใต้ท่อปัสสาวะเพื่อเสริมความแข็งแรงและป้องกันภาวะปัสสาวะเล็ดขณะไอจาม เป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมใช้ในการรักษาเนื่องจากใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน ไม่มีแผลผ่าตัดทางหน้าท้องและผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว ปัจจุบันมีหลายในการผ่าตัด ได้แก่ TVT-O, Monarch, Miniarc และ  TVT ซึ่งแต่ละวิธีอาศัยหลักการเดียวกัน

 

ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
ถึงแม้การรักษาโดยการผ่าตัดจะมีประสิทธิภาพสูง แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายสูง หลังผ่าตัดอาจมีอาการปวดขาหนีบ ปัสสาวะลำบาก และอาจมีอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์จากเทปสังเคราะห์ ซึ่งอาจโผล่พ้นบริเวณที่เย็บปิดไว้ (Mesh Extrusion) ทำให้เจ็บและมีเลือดออกได้

อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์หลังผ่าตัด

- เลือดออกมากผิดปกติทางช่องคลอด

- ตกขาวมีกลิ่นเหม็น

- ปัสสาวะไม่ออก ต้องเบ่งขณะปัสสาวะ

- มีไข้สูง                                                                                                                                                            

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์นรีเวช ชั้น 2 โซน E


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง