
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร? พร้อมวิธีตรวจการนอนหลับที่บ้าน
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร?
OSA (Obstructive Sleep Apnea) ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เกิดจากทางเดินหายใจหย่อนตัวตีบแคบลงอาจเป็นมากจนอุดตัน ทำให้หายใจติดขัด หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจน และนอนหลับไม่สนิท
ใครคือกลุ่มเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?
- ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณคอมาก (เส้นรอบคอมากกว่า 40 ซม.) ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง
- อายุ พบในช่วงอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
- เพศ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติครอบครัวมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าคนทั่วไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
- ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์
Home Sleep Test ทางเลือกการตรวจการนอนหลับที่บ้าน สะดวก และแม่นยำ
ใช้ชุดอุปกรณ์ตรวจการนอนหลับแบบนอกสถานที่ที่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย มีความละเอียดเทียบเท่าการตรวจในโรงพยาบาลมากที่สุด
ขั้นตอนการรับบริการ Home Sleep Test
- ทำนัดหมายพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจการนอนหลับ โทร. 1474 หรือ Line: @siphcallcenter
- พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและประเมินปัญหาการนอนหลับ
- เจ้าหน้าที่อธิบายขั้นตอนการบริการ และสาธิตวิธีการติดอุปกรณ์ (ต้องมีญาติ/ผู้ดูแลมาด้วย 1 ท่าน)
- นัดหมายวันส่งอุปกรณ์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ส่งอุปกรณ์ถึงบ้านท่าน และไปเก็บอุปกรณ์คืนในตอนเช้า
- ติดอุปกรณ์ที่บ้าน และ VDO call เพื่อเช็กความถูกต้องกับผู้เชี่ยวชาญตรวจการนอนหลับ เวลา 20:00 – 24:00 น.
- นอนหลับตามปกติเป็นเวลาอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง
- เข้าพบแพทย์เพื่อฟังผลตรวจที่โรงพยาบาล (7-10 วันทำการนับจากวันที่คืนอุปกรณ์) โดย Sleep Center จะออกใบนัดให้ตั้งแต่วันที่เข้าพบแพทย์ และตกลงใช้บริการ
อุปกรณ์ Home Sleep Test ตรวจวัดและบันทึกข้อมูลอะไรบ้าง?
ชุดอุปกรณ์จะบันทึกข้อมูล 9 ประเภท ได้แก่
- คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ตรวจระยะของการนอนหลับ (หลับตื้น หลับลึก REM sleep) และจำแนกช่วงเวลาหลับหรือตื่น
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ตรวจภาวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ในช่วงที่หยุดหายใจ
- ลมหายใจ (Airflow) ตรวจจำนวนครั้งและความยาวของการหยุดหายใจขณะหลับ
- การเคลื่อนไหวของทรวงอก ตรวจลักษณะการหายใจที่ผิดปกติ
- การเคลื่อนไหวของลูกตา ตรวจข้อมูลการเข้าสู่ระยะ REM Sleep ซึ่งสัมพันธ์กับความฝันและการทำงานของสมอง
- การเคลื่อนไหวของหน้าท้อง ตรวจลักษณะการหายใจที่ผิดปกติ (ดูร่วมกับการเคลื่อนไหวทรวงอก)
- การเคลื่อนไหวของขา ตรวจภาวะขาอยู่ไม่สุขขณะหลับ (PLMS)
- การขยับของกล้ามเนื้อคาง ตรวจการเปลี่ยนผ่านของระยะการนอน ช่วง REM และ Non-REM
- ระดับออกซิเจนจากปลายนิ้ว ตรวจการลดลงของออกซิเจนในเลือด ซึ่งสัมพันธ์กับการหยุดหายใจ
ประโยชน์ของการตรวจการนอนหลับที่บ้าน
การตรวจหาความผิดปกติของการนอนหลับที่บ้าน หรือ Home Sleep Test (HST) เป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการประเมินภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea: OSA) โดยผู้ป่วยสามารถทำการตรวจได้ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าพักในโรงพยาบาลหรือศูนย์การนอนหลับ
การตรวจ Home Sleep Test ช่วยให้แพทย์สามารถรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการหลับ-ตื่น รูปแบบการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างการนอนหลับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ด้วยข้อดีด้านความสะดวก ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย
การตรวจ Home Sleep Test จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางหรือพักค้างคืนที่โรงพยาบาล การวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างตรงจุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
ถาม-ตอบเรื่องภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea: OSA) คืออะไร?
คำตอบ คือภาวะที่ทางเดินหายใจส่วนบนหย่อนตัวจนตีบแคบหรืออุดตันขณะหลับ ทำให้การหายใจติดขัดหรือหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอและนอนหลับได้ไม่สนิท
- ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?
คำตอบ
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือมีไขมันสะสมที่คอมาก (เส้นรอบคอมากกว่า 40 ซม.)
- ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน
- ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) คืออะไร?
คำตอบ คือบริการตรวจการนอนหลับนอกโรงพยาบาล เพื่อวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ผู้รับการตรวจสามารถนอนในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย โดยใช้ชุดอุปกรณ์ที่บันทึกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ขณะหลับ เช่น คลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, ระดับออกซิเจน และรูปแบบการหายใจ
- ขั้นตอนการรับบริการ Home Sleep Test มีอะไรบ้าง?
คำตอบ
1. ทำนัดหมายเพื่อพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น
3. เจ้าหน้าที่สาธิตวิธีการติดตั้งอุปกรณ์.
4. นัดหมายวันส่งและรับคืนอุปกรณ์ที่บ้าน
5. ติดตั้งอุปกรณ์ที่บ้านพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญผ่าน VDO call
6. นอนหลับพร้อมอุปกรณ์อย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง
7. เข้าพบแพทย์เพื่อฟังผลตรวจและรับคำแนะนำในการรักษา
- การตรวจที่บ้านให้ผลแม่นยำเหมือนโรงพยาบาลหรือไม่?
คำตอบ ใช่ ชุดอุปกรณ์ที่ใช้เป็นแบบที่มีความละเอียดในการบันทึกข้อมูลเทียบเท่าการตรวจในโรงพยาบาลมากที่สุด และได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย
- ต้องนัดหมายหรือติดต่อที่ไหน?
คำตอบ สามารถทำนัดหมายพบแพทย์ได้โดยการโทร 1474 หรือ Line: @siphcallcenter สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 2 โซน D
หากท่านมีอาการภาวะหยุดหายใจในขณะหลับจากอุดกั้น หรือสงสัยว่าอาจมีภาวะ OSA
ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจที่เหมาะสมต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 2 โซน D
บทความที่เกี่ยวข้อง
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) คืออะไร?
OSA (Obstructive Sleep Apnea) ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เกิดจากทางเดินหายใจหย่อนตัวตีบแคบลงอาจเป็นมากจนอุดตัน ทำให้หายใจติดขัด หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจน และนอนหลับไม่สนิท
ใครคือกลุ่มเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?
- ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณคอมาก (เส้นรอบคอมากกว่า 40 ซม.) ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง
- อายุ พบในช่วงอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
- เพศ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติครอบครัวมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าคนทั่วไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
- ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์
Home Sleep Test ทางเลือกการตรวจการนอนหลับที่บ้าน สะดวก และแม่นยำ
ใช้ชุดอุปกรณ์ตรวจการนอนหลับแบบนอกสถานที่ที่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย มีความละเอียดเทียบเท่าการตรวจในโรงพยาบาลมากที่สุด
ขั้นตอนการรับบริการ Home Sleep Test
- ทำนัดหมายพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจการนอนหลับ โทร. 1474 หรือ Line: @siphcallcenter
- พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและประเมินปัญหาการนอนหลับ
- เจ้าหน้าที่อธิบายขั้นตอนการบริการ และสาธิตวิธีการติดอุปกรณ์ (ต้องมีญาติ/ผู้ดูแลมาด้วย 1 ท่าน)
- นัดหมายวันส่งอุปกรณ์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ส่งอุปกรณ์ถึงบ้านท่าน และไปเก็บอุปกรณ์คืนในตอนเช้า
- ติดอุปกรณ์ที่บ้าน และ VDO call เพื่อเช็กความถูกต้องกับผู้เชี่ยวชาญตรวจการนอนหลับ เวลา 20:00 – 24:00 น.
- นอนหลับตามปกติเป็นเวลาอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง
- เข้าพบแพทย์เพื่อฟังผลตรวจที่โรงพยาบาล (7-10 วันทำการนับจากวันที่คืนอุปกรณ์) โดย Sleep Center จะออกใบนัดให้ตั้งแต่วันที่เข้าพบแพทย์ และตกลงใช้บริการ
อุปกรณ์ Home Sleep Test ตรวจวัดและบันทึกข้อมูลอะไรบ้าง?
ชุดอุปกรณ์จะบันทึกข้อมูล 9 ประเภท ได้แก่
- คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ตรวจระยะของการนอนหลับ (หลับตื้น หลับลึก REM sleep) และจำแนกช่วงเวลาหลับหรือตื่น
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ตรวจภาวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ในช่วงที่หยุดหายใจ
- ลมหายใจ (Airflow) ตรวจจำนวนครั้งและความยาวของการหยุดหายใจขณะหลับ
- การเคลื่อนไหวของทรวงอก ตรวจลักษณะการหายใจที่ผิดปกติ
- การเคลื่อนไหวของลูกตา ตรวจข้อมูลการเข้าสู่ระยะ REM Sleep ซึ่งสัมพันธ์กับความฝันและการทำงานของสมอง
- การเคลื่อนไหวของหน้าท้อง ตรวจลักษณะการหายใจที่ผิดปกติ (ดูร่วมกับการเคลื่อนไหวทรวงอก)
- การเคลื่อนไหวของขา ตรวจภาวะขาอยู่ไม่สุขขณะหลับ (PLMS)
- การขยับของกล้ามเนื้อคาง ตรวจการเปลี่ยนผ่านของระยะการนอน ช่วง REM และ Non-REM
- ระดับออกซิเจนจากปลายนิ้ว ตรวจการลดลงของออกซิเจนในเลือด ซึ่งสัมพันธ์กับการหยุดหายใจ
ประโยชน์ของการตรวจการนอนหลับที่บ้าน
การตรวจหาความผิดปกติของการนอนหลับที่บ้าน หรือ Home Sleep Test (HST) เป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการประเมินภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea: OSA) โดยผู้ป่วยสามารถทำการตรวจได้ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าพักในโรงพยาบาลหรือศูนย์การนอนหลับ
การตรวจ Home Sleep Test ช่วยให้แพทย์สามารถรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการหลับ-ตื่น รูปแบบการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างการนอนหลับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ด้วยข้อดีด้านความสะดวก ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย
การตรวจ Home Sleep Test จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางหรือพักค้างคืนที่โรงพยาบาล การวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างตรงจุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
ถาม-ตอบเรื่องภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea: OSA) คืออะไร?
คำตอบ คือภาวะที่ทางเดินหายใจส่วนบนหย่อนตัวจนตีบแคบหรืออุดตันขณะหลับ ทำให้การหายใจติดขัดหรือหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอและนอนหลับได้ไม่สนิท
- ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?
คำตอบ
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือมีไขมันสะสมที่คอมาก (เส้นรอบคอมากกว่า 40 ซม.)
- ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน
- ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test) คืออะไร?
คำตอบ คือบริการตรวจการนอนหลับนอกโรงพยาบาล เพื่อวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ผู้รับการตรวจสามารถนอนในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย โดยใช้ชุดอุปกรณ์ที่บันทึกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ขณะหลับ เช่น คลื่นไฟฟ้าสมอง, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ, ระดับออกซิเจน และรูปแบบการหายใจ
- ขั้นตอนการรับบริการ Home Sleep Test มีอะไรบ้าง?
คำตอบ
1. ทำนัดหมายเพื่อพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. พบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น
3. เจ้าหน้าที่สาธิตวิธีการติดตั้งอุปกรณ์.
4. นัดหมายวันส่งและรับคืนอุปกรณ์ที่บ้าน
5. ติดตั้งอุปกรณ์ที่บ้านพร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญผ่าน VDO call
6. นอนหลับพร้อมอุปกรณ์อย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง
7. เข้าพบแพทย์เพื่อฟังผลตรวจและรับคำแนะนำในการรักษา
- การตรวจที่บ้านให้ผลแม่นยำเหมือนโรงพยาบาลหรือไม่?
คำตอบ ใช่ ชุดอุปกรณ์ที่ใช้เป็นแบบที่มีความละเอียดในการบันทึกข้อมูลเทียบเท่าการตรวจในโรงพยาบาลมากที่สุด และได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย
- ต้องนัดหมายหรือติดต่อที่ไหน?
คำตอบ สามารถทำนัดหมายพบแพทย์ได้โดยการโทร 1474 หรือ Line: @siphcallcenter สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 2 โซน D
หากท่านมีอาการภาวะหยุดหายใจในขณะหลับจากอุดกั้น หรือสงสัยว่าอาจมีภาวะ OSA
ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจที่เหมาะสมต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 2 โซน D
บทความที่เกี่ยวข้อง