
โรคต่อมหมวกไต สำคัญอย่างไร?
โรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง หมายถึง ภาวะที่การทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอกทำงานได้น้อยลง ทำให้ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไต ผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ฮอร์โมนที่สำคัญที่สร้างจากต่อมหมวกไตชั้นนอก ได้แก่ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) และฮอร์โมนมิเนอร์ราโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoid) ส่งผลให้เกิดอาการทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ความดันโลหิตต่ำ เกลือแร่โซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดผิดปกติ รวมถึงอาจตรวจพบน้ำตาลต่ำในเลือดได้
สาเหตุ
โรคต่อมหมวกไตบกพร่อง เกิดจากความผิดปกติที่ต่อมหมวกไต ความผิดปกติของต่อมใต้สมองซึ่งมีหน้าที่ส่วนหนึ่งควบคุมการทำงานของต่อมหมวกไต หรือบางรายเกิดจากได้รับยาที่มีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการกดการทำงานของต่อมหมวกไตทำให้ต่อมหมวกไตทำงานได้ลดลงจนเกิดภาวะขาดฮอร์โมนได้ ซึ่งการขาดฮอร์โมนนี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือขาดฮอร์โมนอย่างถาวรขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดความปกติดังกล่าว แพทย์ผู้ให้การรักษาจะแนะนำถึงสาเหตุ การรักษา และการดูแลต่อเนื่องในระยะยาวอย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ความสำคัญของโรค
เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลและฮอร์โมนมิเนอร์ราโลคอร์ติคอยด์ที่สร้างขึ้นจากต่อมหมวกไต มีส่วนช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อภาวะความเครียดต่างๆ และยังมีบทบาทเกี่ยวกับกระบวนการต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น ช่วยควบคุมปริมาณสารน้ำและเกลือแร่ภายในร่างกาย ลดการอักเสบ และกระตุ้นตับให้สร้างน้ำตาลออกมาสู่กระแสเลือด ดังนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาเพื่อทดแทนฮอร์โมนที่ขาดอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง และยังจำเป็นต้องปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นในภาวะที่ร่างกายอยู่ในภาวะเครียด เช่น ช่วงเจ็บป่วยไม่สบาย มีไข้สูง เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการแย่ลงอย่างฉับพลันจากภาวะวิกฤติ เมื่อเกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง หรือเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งการได้รับปริมาณยาที่ไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ภาวะความดันต่ำ ซึมลง ชัก หรือเป็นอันตรายถึงกับเสียชีวิตได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดหรือรับการรักษาในโรงพยาบาลจากภาวะเจ็บป่วยใดๆ ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาทุกครั้งว่ามีโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง เพื่อแพทย์จะพิจารณาปรับยาอย่างเหมาะสม ส่วนกรณีที่เจ็บป่วยไม่มาก ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ป่วยต้องทราบวิธีการปรับขนาดยาที่รับประทานอยู่อย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแล
ผู้ป่วยโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่องบางรายจำเป็นต้องได้รับยาทดแทนไปตลอดชีวิต (สอบถามจากแพทย์ที่ดูแลรักษาถึงสาเหตุการเกิดโรคและระยะเวลาในการรักษาหรือระยะเวลาในการรับประทานยา) ดังนั้นจำเป็นต้องมาติดตามการรักษาและปรับขนาดยาอย่างสม่ำเสมอตามแพทย์นัด ผู้ป่วยที่ได้รับฮอร์โมนทดแทน จัดเป็นผู้ป่วยปกติ สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ กรณีที่เป็นผู้ป่วยเด็กและมีกิจกรรมกลางแจ้งที่มีโอกาสเสียเหงื่อมาก จำเป็นต้องได้รับสารน้ำทดแทนอย่างเพียงพอ
คำแนะนำเบื้องต้นในการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย
คำแนะนำเบื้องต้นในการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง
- ทราบหรือจดจำชื่อยา และขนาดในการรักษา เพื่อแจ้งแพทย์ให้ทราบในกรณีจำเป็นต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลอื่นๆ
- รับประทานยาฮอร์โมนทดแทนที่ได้รับจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ห้ามหยุดยาอย่างเด็ดขาด โดยไม่ได้ปรึกษาหรือรับคำแนะนำจากแพทย์
- เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย เช่น มีไข้มากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน จำเป็นต้องปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ในช่วงเวลาที่เจ็บป่วย (แนะนำปรึกษาแพทย์ในการปรับขนาดยาอย่างเหมาะสม)
- เมื่ออาการเจ็บป่วยดังกล่าวทุเลาลง ไม่มีไข้ และกินอาหารได้ตามปกติ สามารถลดยาลงมาเท่าขนาดปกติที่รับประทานได้
- หากผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัด หรือรับการรักษาในโรงพยาบาล ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาทุกครั้งว่ามีโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง เพื่อแพทย์จะปรับการรักษาได้อย่างเหมาะสม
- เมื่อผู้ป่วยเกิดการเจ็บป่วยรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ยาที่รับประทานอาจต้องเปลี่ยนเป็นยาที่บริหารผ่านทางเส้นเลือดในขนาดที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรงของการเจ็บป่วย หรือตามแพทย์สั่ง จนกว่าอาการจะทุเลาลง จึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นยารับประทานในขนาดเดิมได้
- ผู้ป่วยจำเป็นต้องมารับการติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง หากว่ายาใกล้หมดก่อนเวลานัดหมาย ให้มาพบแพทย์ก่อนยาหมด เนื่องจากการขาดยาจะทำให้เกิดภาวะความดันต่ำ สมดุลย์เกลือแร่ที่ผิดปกติ และ/หรือ น้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- กรณียาไม่เพียงพอ และผู้ป่วยบ้านอยู่ไกล ไม่สามารถเดินทางไปที่โรงพยาบาลที่รักษาต่อเนื่องได้ ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับยารับประทานอย่างต่อเนื่อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! คลินิกเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ ชั้น 4 โซน D
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! คลินิกเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ ชั้น 4 โซน D