
ภาวะการมองเห็นสีบกพร่อง หรือตาบอดสี
ภาวะการมองเห็นสีบกพร่อง (Color vision deficiency) หรือตาบอดสี (Color blindness)
ไม่ได้หมายความว่าเราจะมองไม่เห็นสีเลย แต่เป็นภาวะที่ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นสีบางสีได้ชัดเจน หรือมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากคนทั่วไป รวมถึงอาจจะทำให้เกิดความลำบากในการแยกเฉดสีบางเฉด
ภาวะการมองเห็นสีบกพร่อง หรือตาบอดสีเกิดจากอะไร?
ตามปกติการมองเห็นสีจะเกิดจากการที่แสงสีขาวซึ่งมีส่วนประกอบของคลื่นแสงสีต่าง ๆ ส่องเข้าไปในตาและมีเซลล์ที่จอประสาทตาชื่อว่า โคนเซลล์ (cone cells) เป็นตัวรับแสง ส่งผลทำให้เกิดการมองเห็นสีต่าง ๆ ตามมา โดยโคนเซลล์จะมีอยู่ 3 สี ได้แก่ แดง เขียว และน้ำเงิน การที่เราจะมองเห็นสีได้ปกติจะต้องมีโคนเซลล์ครบทั้ง 3 สี และต้องมีปริมาณเม็ดสีในเซลล์ดังกล่าวที่ปกติ รวมถึงจะต้องมีการทำงานของเส้นประสาทตา และสมองส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นสีที่เป็นปกติด้วย ดังนั้นถ้าเกิดความผิดปกติในเส้นทางดังกล่าวก็จะทำให้การมองเห็นสีผิดปกติได้
สาเหตุของตาบอดสี
1. กลุ่มที่เป็นมาแต่กำเนิด (congenital) เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่เกิดจากการมีความผิดปกติของยีนที่อยู่บนโครโมโซมที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของโคนเซลล์และเม็ดสีในเซลล์ ส่วนใหญ่จะมีการรับรู้สีเขียวหรือแดงผิดปกติไป แยกสีเขียวกับแดงได้ลำบาก ภาวะนี้จะเป็นในตาทั้ง 2 ข้าง เป็นมาตั้งแต่เกิดและอาการนั้นจะคงที่ไปตลอด พบในผู้ชายประมาณร้อยละ 8 และผู้หญิงร้อยละ 0.4 สาเหตุที่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องมาจากรูปแบบของการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของภาวะนี้
2. กลุ่มที่เกิดขึ้นในภายหลัง (acquired) เกิดจากโรคของจอประสาทตา เส้นประสาทตา หรือผลข้างเคียงจากยา ภาวะนี้อาจจะเป็นตาเดียวหรือทั้ง 2 ตาได้ขึ้นกับสาเหตุ โดยอาการจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งแย่ลงหรือดีขึ้นได้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยโรคของเส้นประสาทตามักจะทำให้การมองเฉดสีเขียวแดงผิดปกติ ส่วนโรคของจอประสาทตามักจะทำให้การมองเฉดสีฟ้าเหลืองผิดปกติ
ระดับความรุนแรงของตาบอดสี
- ระดับน้อย เกิดจากการที่มีเม็ดสีในโคนเซลล์ผิดปกติ ทำให้การมองสีนั้นมีความสดลดลง และการแยกสีบางเฉดผิดปกติได้ เช่น ถ้ามีเม็ดสีในโคนเซลล์สีแดงผิดปกติ จะทำให้เห็นสีแดงมีความสดน้อยกว่าปกติหรือการแยกสีระหว่างสีเหลือง เขียวและส้มที่มีเฉดคล้ายๆกันทำได้ยาก หรือสีม่วงที่มีส่วนผสมของสีแดงและน้ำเงินจะมองเห็นค่อนไปทางสีน้ำเงิน
- ระดับปานกลาง เกิดจากการที่มีการหายไปของโคนเซลล์ตัวใดตัวหนึ่ง จะทำให้มองเห็นสีนั้นเป็นสีดำหรือเทา เช่น ถ้าโคนเซลล์สีแดงหายไป จะทำให้มองเห็นสีแดงเป็นสีเทา ส่วนสีม่วงที่เป็นส่วนผสมของสีแดงและน้ำเงินจะมองเห็นเป็นสีน้ำเงิน
- ระดับรุนแรง เกิดจากการที่ไม่มีโคนเซลล์ทั้ง 3 ตัว จะมองไม่เห็นสีเลย และตามักจะมัวมีระดับสายตาที่ไม่ดีและอาจมีตาสั่นร่วมด้วย กลุ่มนี้พบได้น้อย
วิธีการรักษาภาวะตาบอดสี
- กลุ่มที่เป็นมาแต่กำเนิด ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด สำหรับข้อมูลที่มีการใช้แว่นตาที่มีการย้อมสีที่เลนส์แว่น หรือการใช้คอนแทคเลนส์สีบางชนิดอาจจะช่วยให้สามารถรับรู้สีได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการรักษา
- กลุ่มที่เป็นมาภายหลัง เป็นการรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ซึ่งการมองเห็นสีอาจจะดีขึ้นได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและการตอบสนองต่อการรักษา
คำแนะนำและการตรวจคัดกรอง
การตรวจคัดกรองภาวะตาบอดสีในเด็กมีความสำคัญ (อายุที่พอจะตรวจคัดกรองได้ควรมากกว่า 5 ขวบขึ้นไป) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประวัติตาบอดสีในครอบครัว หรือผู้ปกครองสังเกตว่าลูกมีการแยกสีผิดหรือระบายสีผิด การตรวจพบภาวะนี้ได้เร็วจะเป็นประโยชน์อย่างมาก จะได้เพิ่มความระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยการแยกแยะของสี รวมถึงทำให้สามารถวางแผนการเรียนและการประกอบอาชีพในอนาคตของเด็กได้
ตรวจสอบโดย : พญ.บุษบา สาธรสุเมธี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา ชั้น 4 โซน A
บทความที่เกี่ยวข้อง
ภาวะการมองเห็นสีบกพร่อง (Color vision deficiency) หรือตาบอดสี (Color blindness)
ไม่ได้หมายความว่าเราจะมองไม่เห็นสีเลย แต่เป็นภาวะที่ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นสีบางสีได้ชัดเจน หรือมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากคนทั่วไป รวมถึงอาจจะทำให้เกิดความลำบากในการแยกเฉดสีบางเฉด
ภาวะการมองเห็นสีบกพร่อง หรือตาบอดสีเกิดจากอะไร?
ตามปกติการมองเห็นสีจะเกิดจากการที่แสงสีขาวซึ่งมีส่วนประกอบของคลื่นแสงสีต่าง ๆ ส่องเข้าไปในตาและมีเซลล์ที่จอประสาทตาชื่อว่า โคนเซลล์ (cone cells) เป็นตัวรับแสง ส่งผลทำให้เกิดการมองเห็นสีต่าง ๆ ตามมา โดยโคนเซลล์จะมีอยู่ 3 สี ได้แก่ แดง เขียว และน้ำเงิน การที่เราจะมองเห็นสีได้ปกติจะต้องมีโคนเซลล์ครบทั้ง 3 สี และต้องมีปริมาณเม็ดสีในเซลล์ดังกล่าวที่ปกติ รวมถึงจะต้องมีการทำงานของเส้นประสาทตา และสมองส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นสีที่เป็นปกติด้วย ดังนั้นถ้าเกิดความผิดปกติในเส้นทางดังกล่าวก็จะทำให้การมองเห็นสีผิดปกติได้
สาเหตุของตาบอดสี
1. กลุ่มที่เป็นมาแต่กำเนิด (congenital) เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่เกิดจากการมีความผิดปกติของยีนที่อยู่บนโครโมโซมที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของโคนเซลล์และเม็ดสีในเซลล์ ส่วนใหญ่จะมีการรับรู้สีเขียวหรือแดงผิดปกติไป แยกสีเขียวกับแดงได้ลำบาก ภาวะนี้จะเป็นในตาทั้ง 2 ข้าง เป็นมาตั้งแต่เกิดและอาการนั้นจะคงที่ไปตลอด พบในผู้ชายประมาณร้อยละ 8 และผู้หญิงร้อยละ 0.4 สาเหตุที่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องมาจากรูปแบบของการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของภาวะนี้
2. กลุ่มที่เกิดขึ้นในภายหลัง (acquired) เกิดจากโรคของจอประสาทตา เส้นประสาทตา หรือผลข้างเคียงจากยา ภาวะนี้อาจจะเป็นตาเดียวหรือทั้ง 2 ตาได้ขึ้นกับสาเหตุ โดยอาการจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งแย่ลงหรือดีขึ้นได้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยโรคของเส้นประสาทตามักจะทำให้การมองเฉดสีเขียวแดงผิดปกติ ส่วนโรคของจอประสาทตามักจะทำให้การมองเฉดสีฟ้าเหลืองผิดปกติ
ระดับความรุนแรงของตาบอดสี
- ระดับน้อย เกิดจากการที่มีเม็ดสีในโคนเซลล์ผิดปกติ ทำให้การมองสีนั้นมีความสดลดลง และการแยกสีบางเฉดผิดปกติได้ เช่น ถ้ามีเม็ดสีในโคนเซลล์สีแดงผิดปกติ จะทำให้เห็นสีแดงมีความสดน้อยกว่าปกติหรือการแยกสีระหว่างสีเหลือง เขียวและส้มที่มีเฉดคล้ายๆกันทำได้ยาก หรือสีม่วงที่มีส่วนผสมของสีแดงและน้ำเงินจะมองเห็นค่อนไปทางสีน้ำเงิน
- ระดับปานกลาง เกิดจากการที่มีการหายไปของโคนเซลล์ตัวใดตัวหนึ่ง จะทำให้มองเห็นสีนั้นเป็นสีดำหรือเทา เช่น ถ้าโคนเซลล์สีแดงหายไป จะทำให้มองเห็นสีแดงเป็นสีเทา ส่วนสีม่วงที่เป็นส่วนผสมของสีแดงและน้ำเงินจะมองเห็นเป็นสีน้ำเงิน
- ระดับรุนแรง เกิดจากการที่ไม่มีโคนเซลล์ทั้ง 3 ตัว จะมองไม่เห็นสีเลย และตามักจะมัวมีระดับสายตาที่ไม่ดีและอาจมีตาสั่นร่วมด้วย กลุ่มนี้พบได้น้อย
วิธีการรักษาภาวะตาบอดสี
- กลุ่มที่เป็นมาแต่กำเนิด ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด สำหรับข้อมูลที่มีการใช้แว่นตาที่มีการย้อมสีที่เลนส์แว่น หรือการใช้คอนแทคเลนส์สีบางชนิดอาจจะช่วยให้สามารถรับรู้สีได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการรักษา
- กลุ่มที่เป็นมาภายหลัง เป็นการรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ซึ่งการมองเห็นสีอาจจะดีขึ้นได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและการตอบสนองต่อการรักษา
คำแนะนำและการตรวจคัดกรอง
การตรวจคัดกรองภาวะตาบอดสีในเด็กมีความสำคัญ (อายุที่พอจะตรวจคัดกรองได้ควรมากกว่า 5 ขวบขึ้นไป) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประวัติตาบอดสีในครอบครัว หรือผู้ปกครองสังเกตว่าลูกมีการแยกสีผิดหรือระบายสีผิด การตรวจพบภาวะนี้ได้เร็วจะเป็นประโยชน์อย่างมาก จะได้เพิ่มความระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยการแยกแยะของสี รวมถึงทำให้สามารถวางแผนการเรียนและการประกอบอาชีพในอนาคตของเด็กได้
ตรวจสอบโดย : พญ.บุษบา สาธรสุเมธี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา ชั้น 4 โซน A
บทความที่เกี่ยวข้อง