ติ่งเนื้อ (Skin Tags) อันตรายไหม? สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกันที่ถูกต้อง

ติ่งเนื้อ (Skin Tags) คือ ก้อนเนื้อเล็กมีลักษณะนุ่ม เป็นติ่งอยู่บนผิวหนัง มีสีและขนาดเล็กไปจนถึงประมาณ 2 นิ้ว ติ่งเนื้อไม่ใช่เนื้อร้าย และไม่กลายเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่มีอายุมากขึ้นอาจเกิดติ่งเนื้อได้ และมีแนวโน้มเกิดขึ้นกับผู้ที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ตั้งครรภ์ หรือมีบุคคลในครอบครัวเคยมีเกิดติ่งเนื้อ

อาการและบริเวณที่มักพบติ่งเนื้อ

ติ่งเนื้อที่เพิ่งขึ้นบนผิวหนัง จะเป็นก้อนเนื้อนุ่มมีขนาดเล็กนูนขึ้น และยื่นออกมาเป็นติ่ง และจะค่อย ๆ กลายเป็นสีเดียวกับผิวหนัง โดยไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ แต่อาจรู้สึกระคายเคืองบ้างหากเสียดสีกับเสื้อผ้า หรือถ้าก้านที่ยึดติ่งเนื้อถูกบิด อาจเกิดลิ่มเลือดภายในติ่งเนื้อและรู้สึกเจ็บได้ เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสร้างเซลล์ส่วนเกินในชั้นบนสุดของผิวหนัง มักเกิดขึ้นในรอยพับและบริเวณที่การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติทำให้ผิวหนังเสียดสีกัน มักพบในบริเวณ

  • รักแร้
  • เปลือกตาทั้งสองข้าง
  • ขาหนีบหรือต้นขา
  • คอ
  • ใต้หน้าอก
  • อวัยวะเพศ

สาเหตุหลักของการเกิดติ่งเนื้อ

  • ภาวะดื้ออินซูลิน เป็นภาวะที่นำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะน้ำตาลผิดปกติ โดยภาวะดื้ออินซูลินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อได้มากขึ้น
  • ภาวะอ้วน อาจพบลักษณะที่มีสีคล้ำและหนาตัวขึ้นคล้ายกำมะหยี่ ที่เรียกว่า โรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) โดยโรคนี้สามารถพบติ่งเนื้อจำนวนมาก ตามผิวหนังบริเวณคอและรักแร้
  • ตั้งครรภ์ ติ่งเนื้อเป็นผลข้างเคียง เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
  • พันธุกรรม บุคคลในครอบครัวเคยมีติ่งเนื้อขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • ปัจจัยภายนอก การเสียดสีกันของผิวหนังโดยตรงหรือผ่านการสวมใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่สามารถสร้างแรงกดทับบนพื้นที่คอ

7 สัญญาณเตือน! ติ่งเนื้อแบบไหนที่ "อันตราย" ควรพบแพทย์

ติ่งเนื้อส่วนใหญ่เป็น เนื้องอกผิวหนังที่ไม่อันตราย แต่บางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งผิวหนัง หากมีลักษณะเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์

  • ขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และโตเร็วผิดปกติ เมื่อมีขนาดเกิน 5 มิลลิเมตร เป็นสัญญาณที่ต้องระวังอย่างมาก
  • จำนวนติ่งเนื้อที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มจำนวนติ่งเนื้ออย่างรวดเร็วก็เป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ และอาจเป็นตัวบ่งชี้ของความอันตราย
  • คัน เจ็บ หรืออักเสบเรื้อรัง  มีอาการระคายเคืองตลอดเวลา
  • ลักษณะแข็ง  ติ่งเนื้อที่มีลักษณะแข็งมากและเป็นก้อนนูนออกมา
  • สีเปลี่ยนไปจากเดิม  ติ่งเนื้อมีสีที่เข้มมากหรือแตกต่างไปจากสีผิวปกติ เช่น สีเหลืองหรือสีดำ
  • มีเลือดออกหรือเป็นแผลเรื้อรัง  มีเลือดออกหรือลักษณะที่เป็นเนื้อสด

วิธีการรักษากระเนื้อและติ่งเนื้อ

  • รักษาโดยการตัดออก จี้ด้วยเครื่องเลเซอร์หรือความเย็น รอยโรคสามารถยุบราบ หรือหายไปได้ภายใน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดที่เป็น
  • จี้ด้วยความเย็น (Cryosurgery) โดยใช้ ไนโตรเจนเหลว จี้ตรงบริเวณรอยโรค
  • จี้ด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)
  • จี้ด้วยเครื่องเลเซอร์เช่น CO2 Laser คาร์บอนไดอ๊อกไซด์เลเซอร์ (Carbon dioxide Laser) 

การดูแลตัวเองหลังการรักษาติ่งเนื้อ 

  • หลีกเลี่ยงโดนน้ำบริเวณที่รักษา 3-5 วัน หากจำเป็นต้องโดนน้ำให้รีบใช้ผ้าสะอาดซับออกทันที
  • หากทำการรักษาที่ใบหน้าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลบเครื่องสำอางที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ทำความสะอาดผิวหน้า หลังจากแผลแห้ง
  • ทายาฆ่าเชื้อให้ผิวหนังสมานดีขึ้นทุกวันเช้าและก่อนนอน
  • ไม่แกะ เกา สะเก็ดที่เกิดขึ้นหลังการรักษา สะเก็ดจะหลุดเองตามธรรมชาติภายใน 7-10 วัน
  • ทาครีมกันแดดทุกวันและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเ ป้องกันการเกิดรอยดำหลังรักษา

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดติ่งเนื้อ

  • การดูแลและควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดติ่งเนื้อที่คอได้
  • การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นและหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยที่ไม่เสียดสีจะช่วยป้องกันการเกิดติ่งเนื้อได้
  • การรักษาสุขภาพที่ดี การรักษาสุขภาพของตนเองโดยไม่ให้เกิดภาวะอ้วนหรือเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีความสำคัญในการลดความเสี่ยง
  • การเข้าพบแพทย์ หากอยู่ในสภาวะเสี่ยง เช่น การตั้งครรภ์ ควรหมั่นเข้าพบหรือปรึกษาแพทย์เพื่อคำแนะนำและการตรวจสุขภาพ
  • การรักษาความสะอาด การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการติ่งเนื้อและป้องกันการเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์
  • การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดติ่งเนื้อที่คอ
  • การใช้ครีมทาผิวที่เหมาะกับผิว เลือกใช้ครีมทาผิวที่เหมาะสม ให้ผิวชุ่มชื้นลดการเสียดสีระคายเคืองที่ผิว

ข้อมูลจาก พญ.ศุภานัน ประเสริฐโยธิน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 ติ่งเนื้อ (Skin Tags) คือ ก้อนเนื้อเล็กมีลักษณะนุ่ม เป็นติ่งอยู่บนผิวหนัง มีสีและขนาดเล็กไปจนถึงประมาณ 2 นิ้ว ติ่งเนื้อไม่ใช่เนื้อร้าย และไม่กลายเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่มีอายุมากขึ้นอาจเกิดติ่งเนื้อได้ และมีแนวโน้มเกิดขึ้นกับผู้ที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ตั้งครรภ์ หรือมีบุคคลในครอบครัวเคยมีเกิดติ่งเนื้อ

อาการและบริเวณที่มักพบติ่งเนื้อ

ติ่งเนื้อที่เพิ่งขึ้นบนผิวหนัง จะเป็นก้อนเนื้อนุ่มมีขนาดเล็กนูนขึ้น และยื่นออกมาเป็นติ่ง และจะค่อย ๆ กลายเป็นสีเดียวกับผิวหนัง โดยไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ แต่อาจรู้สึกระคายเคืองบ้างหากเสียดสีกับเสื้อผ้า หรือถ้าก้านที่ยึดติ่งเนื้อถูกบิด อาจเกิดลิ่มเลือดภายในติ่งเนื้อและรู้สึกเจ็บได้ เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสร้างเซลล์ส่วนเกินในชั้นบนสุดของผิวหนัง มักเกิดขึ้นในรอยพับและบริเวณที่การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติทำให้ผิวหนังเสียดสีกัน มักพบในบริเวณ

  • รักแร้
  • เปลือกตาทั้งสองข้าง
  • ขาหนีบหรือต้นขา
  • คอ
  • ใต้หน้าอก
  • อวัยวะเพศ

สาเหตุหลักของการเกิดติ่งเนื้อ

  • ภาวะดื้ออินซูลิน เป็นภาวะที่นำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะน้ำตาลผิดปกติ โดยภาวะดื้ออินซูลินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อได้มากขึ้น
  • ภาวะอ้วน อาจพบลักษณะที่มีสีคล้ำและหนาตัวขึ้นคล้ายกำมะหยี่ ที่เรียกว่า โรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) โดยโรคนี้สามารถพบติ่งเนื้อจำนวนมาก ตามผิวหนังบริเวณคอและรักแร้
  • ตั้งครรภ์ ติ่งเนื้อเป็นผลข้างเคียง เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
  • พันธุกรรม บุคคลในครอบครัวเคยมีติ่งเนื้อขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • ปัจจัยภายนอก การเสียดสีกันของผิวหนังโดยตรงหรือผ่านการสวมใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่สามารถสร้างแรงกดทับบนพื้นที่คอ

7 สัญญาณเตือน! ติ่งเนื้อแบบไหนที่ "อันตราย" ควรพบแพทย์

ติ่งเนื้อส่วนใหญ่เป็น เนื้องอกผิวหนังที่ไม่อันตราย แต่บางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งผิวหนัง หากมีลักษณะเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์

  • ขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และโตเร็วผิดปกติ เมื่อมีขนาดเกิน 5 มิลลิเมตร เป็นสัญญาณที่ต้องระวังอย่างมาก
  • จำนวนติ่งเนื้อที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มจำนวนติ่งเนื้ออย่างรวดเร็วก็เป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ และอาจเป็นตัวบ่งชี้ของความอันตราย
  • คัน เจ็บ หรืออักเสบเรื้อรัง  มีอาการระคายเคืองตลอดเวลา
  • ลักษณะแข็ง  ติ่งเนื้อที่มีลักษณะแข็งมากและเป็นก้อนนูนออกมา
  • สีเปลี่ยนไปจากเดิม  ติ่งเนื้อมีสีที่เข้มมากหรือแตกต่างไปจากสีผิวปกติ เช่น สีเหลืองหรือสีดำ
  • มีเลือดออกหรือเป็นแผลเรื้อรัง  มีเลือดออกหรือลักษณะที่เป็นเนื้อสด

วิธีการรักษากระเนื้อและติ่งเนื้อ

  • รักษาโดยการตัดออก จี้ด้วยเครื่องเลเซอร์หรือความเย็น รอยโรคสามารถยุบราบ หรือหายไปได้ภายใน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดที่เป็น
  • จี้ด้วยความเย็น (Cryosurgery) โดยใช้ ไนโตรเจนเหลว จี้ตรงบริเวณรอยโรค
  • จี้ด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)
  • จี้ด้วยเครื่องเลเซอร์เช่น CO2 Laser คาร์บอนไดอ๊อกไซด์เลเซอร์ (Carbon dioxide Laser) 

การดูแลตัวเองหลังการรักษาติ่งเนื้อ 

  • หลีกเลี่ยงโดนน้ำบริเวณที่รักษา 3-5 วัน หากจำเป็นต้องโดนน้ำให้รีบใช้ผ้าสะอาดซับออกทันที
  • หากทำการรักษาที่ใบหน้าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลบเครื่องสำอางที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ทำความสะอาดผิวหน้า หลังจากแผลแห้ง
  • ทายาฆ่าเชื้อให้ผิวหนังสมานดีขึ้นทุกวันเช้าและก่อนนอน
  • ไม่แกะ เกา สะเก็ดที่เกิดขึ้นหลังการรักษา สะเก็ดจะหลุดเองตามธรรมชาติภายใน 7-10 วัน
  • ทาครีมกันแดดทุกวันและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเ ป้องกันการเกิดรอยดำหลังรักษา

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดติ่งเนื้อ

  • การดูแลและควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดติ่งเนื้อที่คอได้
  • การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นและหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยที่ไม่เสียดสีจะช่วยป้องกันการเกิดติ่งเนื้อได้
  • การรักษาสุขภาพที่ดี การรักษาสุขภาพของตนเองโดยไม่ให้เกิดภาวะอ้วนหรือเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีความสำคัญในการลดความเสี่ยง
  • การเข้าพบแพทย์ หากอยู่ในสภาวะเสี่ยง เช่น การตั้งครรภ์ ควรหมั่นเข้าพบหรือปรึกษาแพทย์เพื่อคำแนะนำและการตรวจสุขภาพ
  • การรักษาความสะอาด การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการติ่งเนื้อและป้องกันการเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์
  • การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดติ่งเนื้อที่คอ
  • การใช้ครีมทาผิวที่เหมาะกับผิว เลือกใช้ครีมทาผิวที่เหมาะสม ให้ผิวชุ่มชื้นลดการเสียดสีระคายเคืองที่ผิว

ข้อมูลจาก พญ.ศุภานัน ประเสริฐโยธิน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง