ริ้วรอย ปัญหาที่ดูแลได้ด้วยโบท็อกซ์

โบท็อกซ์คืออะไร?

     โบท็อกซ์ เป็นชื่อทางการค้าของ โอนาโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิด เอ (Onabotulinumtoxin A) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) สารนี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อนำขนาดต่ำๆ มาใช้ทางการแพทย์โดยการฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการให้ทำงาน สามารถช่วยรักษาหลายๆ ภาวะได้

ในปัจจุบันโบทูลินัม ท็อกซิน ที่นำมาใช้ทางการแพทย์ มีหลายยี่ห้อ ได้แก่ Botox ®, Dysport®, Xeomin®, Jeuveau®, Myobloc®

 

โบท็อกซ์ใช้เพื่อรักษาภาวะใดได้บ้าง

  • ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า ปรับรูปหน้า
  • ลดภาวะเหงื่อออกมากเฉพาะจุด (localized hyperhidrosis) เช่น บริเวณมือ รักแร้
  • ลดไมเกรน
  • ภาวะตากระตุก
  • กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ
  • อื่นๆ

 

ฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามเป็นอย่างไร?

  1. ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย

ฉีดเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ ริ้วรอยเหล่านี้จะเห็นชัดขึ้นเวลามีการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า (dynamic lines) เพื่อแสดงสีหน้า เช่น รอยตีนกาที่เกิดจากการยิ้ม ร่องที่หัวคิ้วที่เกิดจากการขมวดคิ้ว รอยขวางบริเวณหน้าผากที่เกิดจากการเลิกคิ้ว ส่วนใหญ่รอยเหล่านี้อยู่ด้านบนของใบหน้า (upper face) การฉีดจะฉีดโดยตรงเข้าไปที่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้สารโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ หรือฉีดเข้าไปบริเวณหนังแท้(intradermal) บริเวณใกล้กับกล้ามเนื้อดังกล่าว

  1. ฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้า

เป็นการฉีดสารโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อกราม (masseter muscle) เพื่อลดขนาดของกราม ทำให้หน้าเรียวขึ้น

 

ใครบ้างที่สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามได้?

คนที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัยต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น คนอายุน้อยที่ใบหน้าส่วนกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกรามและต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ

 

ข้อห้ามของการฉีดสารโบท็อกซ์เพื่อความงามมีอะไรบ้าง?

มีประวัติแพ้สารโบทูบินูมท็อกซิน คนที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คนที่มีโรคประจำตัวที่มีการทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ คนที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง (Body dysmorphic disorder) ส่วนคนที่รับประทานยาประจำ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ไม่ได้เป็นข้อห้ามโดยตรง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด

 

ฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามใช้เวลานานเท่าไหร่จึงเริ่มเห็นผล และอยู่ได้นานเท่าไหร่?

    สำหรับริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลหลังจากฉีด 3 – 7 วัน และเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ อยู่ได้นาน 4 – 6 เดือน ส่วนการปรับรูปหน้าจะเริ่มเห็นผลที่ 2 เดือน เห็นผลเต็มที่ 4 – 6 เดือน และอยู่ได้นาน 6 - 12เดือน

         

ความปลอดภัยและความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงในการฉีดโบท็อกซ์มีอะไรบ้าง?

    ความปลอดภัยในการฉีดโบท๊อกซ์ หรือสารโบทูบินูมท็อกซินในปัจจุบันค่อนข้างสูง โดยความเสี่ยงในการแพ้พบน้อยมาก ส่วนผลข้างเคียงที่พบได้บ้างแต่ไม่รุนแรงคือ มีการช้ำ ปวดบวมหลังฉีด ซึ่งสามารถแต่งหน้าเพื่อปกปิดได้ และหายเองได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ผลข้างเคียงที่พบได้แต่พบน้อยคือคิ้วหรือหนังตาตก ซึ่งสามารถป้องกันได้ทางหนึ่งคือ เลือกฉีดโดยแพทย์ที่ชำนาญ โดยแพทย์เลือกฉีดเทคนิคที่ปลอดภัย ถึงอย่างไรก็ตามถ้าเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว สามารถหายได้เองเมื่อยาหมดฤทธิ์

บทความโดย พญ.ปิยศิริ เศรษฐบุตร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A

โบท็อกซ์คืออะไร?

     โบท็อกซ์ เป็นชื่อทางการค้าของ โอนาโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิด เอ (Onabotulinumtoxin A) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) สารนี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อนำขนาดต่ำๆ มาใช้ทางการแพทย์โดยการฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการให้ทำงาน สามารถช่วยรักษาหลายๆ ภาวะได้

ในปัจจุบันโบทูลินัม ท็อกซิน ที่นำมาใช้ทางการแพทย์ มีหลายยี่ห้อ ได้แก่ Botox ®, Dysport®, Xeomin®, Jeuveau®, Myobloc®

 

โบท็อกซ์ใช้เพื่อรักษาภาวะใดได้บ้าง

  • ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า ปรับรูปหน้า
  • ลดภาวะเหงื่อออกมากเฉพาะจุด (localized hyperhidrosis) เช่น บริเวณมือ รักแร้
  • ลดไมเกรน
  • ภาวะตากระตุก
  • กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ
  • อื่นๆ

 

ฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามเป็นอย่างไร?

  1. ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย

ฉีดเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ ริ้วรอยเหล่านี้จะเห็นชัดขึ้นเวลามีการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า (dynamic lines) เพื่อแสดงสีหน้า เช่น รอยตีนกาที่เกิดจากการยิ้ม ร่องที่หัวคิ้วที่เกิดจากการขมวดคิ้ว รอยขวางบริเวณหน้าผากที่เกิดจากการเลิกคิ้ว ส่วนใหญ่รอยเหล่านี้อยู่ด้านบนของใบหน้า (upper face) การฉีดจะฉีดโดยตรงเข้าไปที่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้สารโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ หรือฉีดเข้าไปบริเวณหนังแท้(intradermal) บริเวณใกล้กับกล้ามเนื้อดังกล่าว

  1. ฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้า

เป็นการฉีดสารโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อกราม (masseter muscle) เพื่อลดขนาดของกราม ทำให้หน้าเรียวขึ้น

 

ใครบ้างที่สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามได้?

คนที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัยต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น คนอายุน้อยที่ใบหน้าส่วนกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกรามและต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ

 

ข้อห้ามของการฉีดสารโบท็อกซ์เพื่อความงามมีอะไรบ้าง?

มีประวัติแพ้สารโบทูบินูมท็อกซิน คนที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คนที่มีโรคประจำตัวที่มีการทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ คนที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง (Body dysmorphic disorder) ส่วนคนที่รับประทานยาประจำ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ไม่ได้เป็นข้อห้ามโดยตรง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด

 

ฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงามใช้เวลานานเท่าไหร่จึงเริ่มเห็นผล และอยู่ได้นานเท่าไหร่?

    สำหรับริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลหลังจากฉีด 3 – 7 วัน และเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ อยู่ได้นาน 4 – 6 เดือน ส่วนการปรับรูปหน้าจะเริ่มเห็นผลที่ 2 เดือน เห็นผลเต็มที่ 4 – 6 เดือน และอยู่ได้นาน 6 - 12เดือน

         

ความปลอดภัยและความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงในการฉีดโบท็อกซ์มีอะไรบ้าง?

    ความปลอดภัยในการฉีดโบท๊อกซ์ หรือสารโบทูบินูมท็อกซินในปัจจุบันค่อนข้างสูง โดยความเสี่ยงในการแพ้พบน้อยมาก ส่วนผลข้างเคียงที่พบได้บ้างแต่ไม่รุนแรงคือ มีการช้ำ ปวดบวมหลังฉีด ซึ่งสามารถแต่งหน้าเพื่อปกปิดได้ และหายเองได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ผลข้างเคียงที่พบได้แต่พบน้อยคือคิ้วหรือหนังตาตก ซึ่งสามารถป้องกันได้ทางหนึ่งคือ เลือกฉีดโดยแพทย์ที่ชำนาญ โดยแพทย์เลือกฉีดเทคนิคที่ปลอดภัย ถึงอย่างไรก็ตามถ้าเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว สามารถหายได้เองเมื่อยาหมดฤทธิ์

บทความโดย พญ.ปิยศิริ เศรษฐบุตร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง