
Venus Viva เทคโนโลยีปรับสภาพผิวและยกกระชับด้วยคลื่นวิทยุแบบหลายขั้ว
เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้หลักการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุแบบหลายขั้วลงไปยังเนื้อเยื่อ ซึ่งจะปล่อยพลังงานความร้อนผ่านเข็มเล็ก ๆ ทำให้เกิดบาดแผลที่เล็กมาก ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการสร้างและการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนให้ผสานกันอย่างแข็งแรง ทำให้ผิวเรียบเนียนกระชับ
นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคเตอร์ที่ช่วยในเรื่องการยกกระชับผิว ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่รวมการทำงานระหว่างคลื่นวิทยุแบบหลายขั้ว (Multi-polar RF) และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Pulse Electro Magnetic Field) ทำให้ความร้อนแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและช่วยสังเคราะห์ให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเกิดความตึงตัว ยกกระชับ ลดริ้วรอย โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
นวัตกรรมปรับสภาพผิวด้วยคลื่นวิทยุ ใช้รักษาอะไร?
- แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้รูขุมขนกระชับและผิวเรียบเนียน
- รักษาหลุมสิว แผลเป็นบางชนิด
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ลดเลือนริ้วรอย เหี่ยวย่น บริเวณใบหน้า คอหรือมือ
- ลดรอยแตกลาย
การเตรียมตัวก่อนทำการรักษา
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการอาบแดด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หากมีโรคติดเชื้อทางผิวหนัง ให้เว้นการทำหัตถการไปก่อน
- หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ลมชัก และประวัติการแพ้ยาชา ควรแจ้งแพทย์รับทราบ
- งดการรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลทำให้เลือดออกง่ายหยุดยาก
- วันนัดทำการรักษา ควรงดเครื่องสำอางบริเวณผิวหนังที่ต้องการทำการรักษา
การดูแลผิวหลังทำการรักษา
- หากมีอาการแสบร้อนมากสามารถประคบเย็นได้หลังทำการรักษา
- ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด 1 - 2 วันแรก
- วันที่ 3 - 7 หลังการรักษา ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน หรือไม่มีฟอง ไม่มีเม็ดสครับ
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์หรือเลเซอร์อื่นทุกชนิด การเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า การนวดหน้าแรงๆ ภายหลังการรักษา 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้บริเวณที่ทำการรักษาบวม และอักเสบเพิ่มขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อนและว่ายน้ำหลังจากทำการรักษา เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียได้
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ในบริเวณที่ทำการรักษาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
- หลีกเลี่ยงแสงแดด แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 และมีค่ากันรังสียูวีเอที่ได้ตามมาตรฐาน
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานผัก ผลไม้และวิตามินซี เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว
ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการรักษา
- อาจเกิดการระคายเคืองหรือการเจ็บปวดหลังการรักษา
- ผิวหนังเป็นผื่นแดงและหรือบวมมากเกินไป
- เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีบนผิวหนัง
- เกิดแผลเป็น
ผู้ที่ไม่เหมาะสำหรับการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ
- มีประวัติเคยเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ หรือไฝที่เป็นอันตราย หรือเป็นเริมในบริเวณผิวหนังที่ทำการรักษา
- อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากโรคทางด้านระบบภูมิคุ้มกัน เช่น AIDS หรือมีการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
- มีอาการเกี่ยวกับการควบคุมต่อมไร้ท่อไม่ดี เช่น เบาหวาน (ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี)
- มีอาการที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา เช่น การเจ็บปวด สะเก็ดเงิน ผื่นแพ้ทางผิวหนัง ผื่นคัน หรือมีรอยสักถาวร
- สีผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ หรือทำผิวสีแทนภายในสองสัปดาห์ก่อนทำการรักษา
ข้อควรระวัง/ข้อเสนอแนะ
- ห้ามทำการรักษาในผู้ที่ใส่เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือเครื่องกระตุ้นประสาท หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าใด ๆ ชนิดฝังในร่างกายไม่ว่าจะบริเวณใดก็ตาม
- หลีกเลี่ยงการรักษาบริเวณผิวหนังที่มีการปลูกถ่ายสิ่งที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะ
ข้อมูลจาก : พญ. ศุภานัน ประเสริฐโยธิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A
บทความที่เกี่ยวข้อง
เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้หลักการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุแบบหลายขั้วลงไปยังเนื้อเยื่อ ซึ่งจะปล่อยพลังงานความร้อนผ่านเข็มเล็ก ๆ ทำให้เกิดบาดแผลที่เล็กมาก ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการสร้างและการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนให้ผสานกันอย่างแข็งแรง ทำให้ผิวเรียบเนียนกระชับ
นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคเตอร์ที่ช่วยในเรื่องการยกกระชับผิว ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่รวมการทำงานระหว่างคลื่นวิทยุแบบหลายขั้ว (Multi-polar RF) และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Pulse Electro Magnetic Field) ทำให้ความร้อนแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและช่วยสังเคราะห์ให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเกิดความตึงตัว ยกกระชับ ลดริ้วรอย โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
นวัตกรรมปรับสภาพผิวด้วยคลื่นวิทยุ ใช้รักษาอะไร?
- แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้รูขุมขนกระชับและผิวเรียบเนียน
- รักษาหลุมสิว แผลเป็นบางชนิด
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ลดเลือนริ้วรอย เหี่ยวย่น บริเวณใบหน้า คอหรือมือ
- ลดรอยแตกลาย
การเตรียมตัวก่อนทำการรักษา
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการอาบแดด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หากมีโรคติดเชื้อทางผิวหนัง ให้เว้นการทำหัตถการไปก่อน
- หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ลมชัก และประวัติการแพ้ยาชา ควรแจ้งแพทย์รับทราบ
- งดการรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลทำให้เลือดออกง่ายหยุดยาก
- วันนัดทำการรักษา ควรงดเครื่องสำอางบริเวณผิวหนังที่ต้องการทำการรักษา
การดูแลผิวหลังทำการรักษา
- หากมีอาการแสบร้อนมากสามารถประคบเย็นได้หลังทำการรักษา
- ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด 1 - 2 วันแรก
- วันที่ 3 - 7 หลังการรักษา ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน หรือไม่มีฟอง ไม่มีเม็ดสครับ
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์หรือเลเซอร์อื่นทุกชนิด การเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า การนวดหน้าแรงๆ ภายหลังการรักษา 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้บริเวณที่ทำการรักษาบวม และอักเสบเพิ่มขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อนและว่ายน้ำหลังจากทำการรักษา เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียได้
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ในบริเวณที่ทำการรักษาได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
- หลีกเลี่ยงแสงแดด แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 และมีค่ากันรังสียูวีเอที่ได้ตามมาตรฐาน
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานผัก ผลไม้และวิตามินซี เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว
ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการรักษา
- อาจเกิดการระคายเคืองหรือการเจ็บปวดหลังการรักษา
- ผิวหนังเป็นผื่นแดงและหรือบวมมากเกินไป
- เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีบนผิวหนัง
- เกิดแผลเป็น
ผู้ที่ไม่เหมาะสำหรับการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ
- มีประวัติเคยเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ หรือไฝที่เป็นอันตราย หรือเป็นเริมในบริเวณผิวหนังที่ทำการรักษา
- อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากโรคทางด้านระบบภูมิคุ้มกัน เช่น AIDS หรือมีการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
- มีอาการเกี่ยวกับการควบคุมต่อมไร้ท่อไม่ดี เช่น เบาหวาน (ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี)
- มีอาการที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา เช่น การเจ็บปวด สะเก็ดเงิน ผื่นแพ้ทางผิวหนัง ผื่นคัน หรือมีรอยสักถาวร
- สีผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ หรือทำผิวสีแทนภายในสองสัปดาห์ก่อนทำการรักษา
ข้อควรระวัง/ข้อเสนอแนะ
- ห้ามทำการรักษาในผู้ที่ใส่เครื่องควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ หรือเครื่องกระตุ้นประสาท หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าใด ๆ ชนิดฝังในร่างกายไม่ว่าจะบริเวณใดก็ตาม
- หลีกเลี่ยงการรักษาบริเวณผิวหนังที่มีการปลูกถ่ายสิ่งที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะ
ข้อมูลจาก : พญ. ศุภานัน ประเสริฐโยธิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 3 โซน A
บทความที่เกี่ยวข้อง