โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไม่ใช่แค่ความงาม แต่เพื่อรักษา

     “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” (Botulinum Toxin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ ซึ่งในภาวะปกติของกล้ามเนื้อต้องอาศัยการสั่งงานจากเซลล์ประสาทในการทำงาน เคลื่อนไหว หรือหดตัว

     ดังนั้นเมื่อเซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวหรืออีกนัยหนึ่ง คือ เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อ โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน เห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7-14 วัน และมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ขนาดยาที่ฉีด และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆกลับมาหดตัวได้เหมือนเดิม ในปัจจุบันวงการแพทย์ใช้โบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดบริเวณกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อลบเลือนริ้วรอยซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่น บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือหางตา เป็นต้น

กลุ่มบุคคลที่ไม่ควรรักษาด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน

  • ผู้ป่วยโรคระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท เช่น โรค Myasthenia gravis หรือ โรค Amyotrophic lateral sclerosis เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินั่ม ท็อกซิน
  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหักโหม

การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน

  1. ควรสอบถามข้อมูลจากแพทย์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
  2. งดรับประทานยาแอสไพริน ยาขยายหลอดเลือด หรือยาป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาหารเสริม เช่น วิตามินอี ชาเขียว สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นต้น ก่อนเข้ารับการฉีด 7 วัน

ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน

  1. ห้ามนอนราบภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมงหลังฉีดยา เพราะอาจทำให้ตัวยากระจายออกนอกตำแหน่งที่ต้องการรักษาไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
  2. ห้ามนวด ขัด ถู คลึง บริเวณที่ทำการรักษา เนื่องจากอาจทำให้ยากระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการรักษาได้
  3. สามารถประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษาเพื่อลดอาการปวด บวม หรือรอยช้ำ
  4. การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ มีความสำคัญมาก และเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้มากที่สุด ควรทำทุกๆ 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังการฉีด เช่น

               -  การฉีดบริเวณหน้าผาก ให้หมั่นเลิกคิ้ว 

               -  การฉีดบริเวณหว่างคิ้ว ให้หมั่นขมวดคิ้ว 

               -  การฉีดบริเวณหางตา ให้หมั่นยิ้มยิงฟัน 

               -  การฉีดบริเวณกราม ให้หมั่นเคี้ยวหมากฝรั่ง

  1. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ การนวดหน้าแรงๆ หรือการทำไอออนโตที่หน้า ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  2. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  3. สามารถล้างหน้า ทาครีม แต่งหน้าได้ตามปกติ   
  4. มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

  1. ความเจ็บจากการฉีดยา
  2. อาการปวดศีรษะ
  3. รอยช้ำ
  4. อาการคิ้วหรือหนังตาตก
  5. เกิดอาการแพ้ในผู้ป่วยบางราย

     โดยอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยและสามารถหายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีความผิดปกติใดเกิดขึ้นควรรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

     “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” (Botulinum Toxin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ ซึ่งในภาวะปกติของกล้ามเนื้อต้องอาศัยการสั่งงานจากเซลล์ประสาทในการทำงาน เคลื่อนไหว หรือหดตัว

     ดังนั้นเมื่อเซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวหรืออีกนัยหนึ่ง คือ เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อ โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน เห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7-14 วัน และมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ขนาดยาที่ฉีด และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆกลับมาหดตัวได้เหมือนเดิม ในปัจจุบันวงการแพทย์ใช้โบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดบริเวณกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อลบเลือนริ้วรอยซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่น บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือหางตา เป็นต้น

กลุ่มบุคคลที่ไม่ควรรักษาด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน

  • ผู้ป่วยโรคระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท เช่น โรค Myasthenia gravis หรือ โรค Amyotrophic lateral sclerosis เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินั่ม ท็อกซิน
  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหักโหม

การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน

  1. ควรสอบถามข้อมูลจากแพทย์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
  2. งดรับประทานยาแอสไพริน ยาขยายหลอดเลือด หรือยาป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาหารเสริม เช่น วิตามินอี ชาเขียว สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นต้น ก่อนเข้ารับการฉีด 7 วัน

ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน

  1. ห้ามนอนราบภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมงหลังฉีดยา เพราะอาจทำให้ตัวยากระจายออกนอกตำแหน่งที่ต้องการรักษาไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
  2. ห้ามนวด ขัด ถู คลึง บริเวณที่ทำการรักษา เนื่องจากอาจทำให้ยากระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการรักษาได้
  3. สามารถประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษาเพื่อลดอาการปวด บวม หรือรอยช้ำ
  4. การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ มีความสำคัญมาก และเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้มากที่สุด ควรทำทุกๆ 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังการฉีด เช่น

               -  การฉีดบริเวณหน้าผาก ให้หมั่นเลิกคิ้ว 

               -  การฉีดบริเวณหว่างคิ้ว ให้หมั่นขมวดคิ้ว 

               -  การฉีดบริเวณหางตา ให้หมั่นยิ้มยิงฟัน 

               -  การฉีดบริเวณกราม ให้หมั่นเคี้ยวหมากฝรั่ง

  1. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ การนวดหน้าแรงๆ หรือการทำไอออนโตที่หน้า ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  2. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  3. สามารถล้างหน้า ทาครีม แต่งหน้าได้ตามปกติ   
  4. มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

  1. ความเจ็บจากการฉีดยา
  2. อาการปวดศีรษะ
  3. รอยช้ำ
  4. อาการคิ้วหรือหนังตาตก
  5. เกิดอาการแพ้ในผู้ป่วยบางราย

     โดยอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยและสามารถหายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีความผิดปกติใดเกิดขึ้นควรรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

 


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง