ปกป้องลูกรัก จากโรคมือ เท้า ปาก

โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Human enteroviruses โดยเชื้อในกลุ่มนี้ที่พบบ่อยคือ Coxsackieviruses  เป็นโรคที่พบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน อากาศเย็นและชื้น กลุ่มเสี่ยงที่พบบ่อยคือเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

การติดต่อโรคมือ เท้า ปาก การสัมผัสโดยตรงกับ น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ น้ำในตุ่มพอง หรือแผลของผู้ป่วยซึ่งมีเชื้อไวรัส หรือโดยอ้อมจากการสัมผัสผ่านของเล่น มือผู้เลี้ยงดู น้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ

การแพร่เชื้อ มักเกิดได้ง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย ซึ่งมีเชื้อออกมามาก

ระยะฟักตัว ปกติประมาณ 3 - 6 วัน

อาการแสดงที่พบบ่อยของโรคมือ เท้า ปาก

ผู้ป่วยมักมีไข้ เจ็บปาก กลืนน้ำลายไม่ได้ น้ำลายไหล มีตุ่มแผลตื้นๆในปาก มักพบที่เพดานอ่อน ลิ้น กระพุ้งแก้ม  ร่วมกับพบผื่นตุ่มพองใส หรือเม็ดแดงๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือรอบทวารหนัก  บางครั้งอาจมีผื่นตามลำตัว แขนขา เข่าได้  อาจมีอาการอาเจียน ถ่ายเหลวร่วมด้วย  ส่วนใหญ่ผู้ป่วยอาการมักไม่รุนแรง สามารถหายป่วยได้เอง ไข้มักจะหายใน 2 - 3 วัน และผื่นจะค่อยๆดีขึ้นใน 7 - 10 วัน  ส่วนน้อยที่มีอาการโรครุนแรง พบประมาณ 0.05% - 1% อาการรุนแรงมักเกิดจากเชื้อ Enterovirus 71

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

  • ระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เยื่อบุสมองอักเสบ สมองอักเสบ แขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน เป็นต้น
  • ระบบทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นต้น

คำแนะนำการดูแลเด็กโรคมือ เท้า ปาก

  • โดยทั่วไปสามารถหายได้เอง เป็นการรักษาตามอาการและเฝ้าระวังอาการที่รุนแรง
  • การรักษาตามอาการ ได้แก่ เช็ดตัวและให้ยาลดไข้ กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหาร
  • ให้อาหารอ่อน ย่อยง่าย รสไม่จัด และสามารถรับประทานของเย็น เช่น ไอศกรีมได้ แยกภาชนะในการดื่มน้ำและการรับประทานอาหาร
  • ในบางรายที่มีอาการเจ็บปากมาก อาจมีการให้ยากลุ่ม xylocaine viscus ทาแผลในปากเพื่อลดอาการเจ็บ
  • โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 5 - 7 วัน

หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที

  • ไข้สูง โดยเฉพาะมากกว่า 39 องศาเซลเซียส และนานกว่า 48 ชั่วโมง
  • กระสับกระส่าย ร้องกวนตลอดเวลา
  • อาเจียนบ่อย ๆ รับประทานไม่ได้หรือรับประทานได้น้อยมาก
  • มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ ซึม การกลอกตาที่ผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ไม่รู้สึกตัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง แขนขาอ่อนแรง
  • ตัวลาย ซีด
  • หอบเหนื่อย

การป้องกันโรคมือเท้าปาก

  • แยกเด็กป่วยให้พักอยู่บ้านไม่ไปสัมผัสผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพาเด็กป่วยไปสถานที่ชุมชนจนกว่าตุ่มหรือผื่นแห้ง ประมาณ 7 - 10 วัน
  • เน้นเรื่องการล้างมือ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัสผู้ป่วย หลังขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก และก่อนรับประทานอาหาร
  • ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป สามารถกำจัดเชื้อได้
  • ไม่ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหาร หลอดดูด แก้วน้ำ หรือของเล่นที่อาจปนเปื้อนน้ำลายร่วมกัน
  • ทำความสะอาดของเล่นที่อาจเอาเข้าปาก หรือสัมผัสสารคัดหลั่งด้วยสบู่หรือผงซักฟอก  สำหรับพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อมาก ให้ใช้น้ำยาคลอร็อกซ์ หรือน้ำยาฟอกขาว 0.5 - 1%

ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก สายพันธุ์ 71 ป้องกันการติดเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรครุนแรง แต่วัคซีนไม่สามารถป้องกันไวรัสชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก ได้  ฉีดในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี 11 เดือน โดยฉีด 2 เข็ม ระยะห่างกัน 1 เดือน

ขอบคุณข้อมูลจาก พญ.วรพร พุ่มเล็ก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E

โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Human enteroviruses โดยเชื้อในกลุ่มนี้ที่พบบ่อยคือ Coxsackieviruses  เป็นโรคที่พบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน อากาศเย็นและชื้น กลุ่มเสี่ยงที่พบบ่อยคือเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

การติดต่อโรคมือ เท้า ปาก การสัมผัสโดยตรงกับ น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ น้ำในตุ่มพอง หรือแผลของผู้ป่วยซึ่งมีเชื้อไวรัส หรือโดยอ้อมจากการสัมผัสผ่านของเล่น มือผู้เลี้ยงดู น้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ

การแพร่เชื้อ มักเกิดได้ง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย ซึ่งมีเชื้อออกมามาก

ระยะฟักตัว ปกติประมาณ 3 - 6 วัน

อาการแสดงที่พบบ่อยของโรคมือ เท้า ปาก

ผู้ป่วยมักมีไข้ เจ็บปาก กลืนน้ำลายไม่ได้ น้ำลายไหล มีตุ่มแผลตื้นๆในปาก มักพบที่เพดานอ่อน ลิ้น กระพุ้งแก้ม  ร่วมกับพบผื่นตุ่มพองใส หรือเม็ดแดงๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือรอบทวารหนัก  บางครั้งอาจมีผื่นตามลำตัว แขนขา เข่าได้  อาจมีอาการอาเจียน ถ่ายเหลวร่วมด้วย  ส่วนใหญ่ผู้ป่วยอาการมักไม่รุนแรง สามารถหายป่วยได้เอง ไข้มักจะหายใน 2 - 3 วัน และผื่นจะค่อยๆดีขึ้นใน 7 - 10 วัน  ส่วนน้อยที่มีอาการโรครุนแรง พบประมาณ 0.05% - 1% อาการรุนแรงมักเกิดจากเชื้อ Enterovirus 71

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

  • ระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เยื่อบุสมองอักเสบ สมองอักเสบ แขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน เป็นต้น
  • ระบบทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นต้น

คำแนะนำการดูแลเด็กโรคมือ เท้า ปาก

  • โดยทั่วไปสามารถหายได้เอง เป็นการรักษาตามอาการและเฝ้าระวังอาการที่รุนแรง
  • การรักษาตามอาการ ได้แก่ เช็ดตัวและให้ยาลดไข้ กระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหาร
  • ให้อาหารอ่อน ย่อยง่าย รสไม่จัด และสามารถรับประทานของเย็น เช่น ไอศกรีมได้ แยกภาชนะในการดื่มน้ำและการรับประทานอาหาร
  • ในบางรายที่มีอาการเจ็บปากมาก อาจมีการให้ยากลุ่ม xylocaine viscus ทาแผลในปากเพื่อลดอาการเจ็บ
  • โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 5 - 7 วัน

หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที

  • ไข้สูง โดยเฉพาะมากกว่า 39 องศาเซลเซียส และนานกว่า 48 ชั่วโมง
  • กระสับกระส่าย ร้องกวนตลอดเวลา
  • อาเจียนบ่อย ๆ รับประทานไม่ได้หรือรับประทานได้น้อยมาก
  • มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ ซึม การกลอกตาที่ผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ไม่รู้สึกตัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง แขนขาอ่อนแรง
  • ตัวลาย ซีด
  • หอบเหนื่อย

การป้องกันโรคมือเท้าปาก

  • แยกเด็กป่วยให้พักอยู่บ้านไม่ไปสัมผัสผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพาเด็กป่วยไปสถานที่ชุมชนจนกว่าตุ่มหรือผื่นแห้ง ประมาณ 7 - 10 วัน
  • เน้นเรื่องการล้างมือ ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัสผู้ป่วย หลังขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก และก่อนรับประทานอาหาร
  • ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป สามารถกำจัดเชื้อได้
  • ไม่ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหาร หลอดดูด แก้วน้ำ หรือของเล่นที่อาจปนเปื้อนน้ำลายร่วมกัน
  • ทำความสะอาดของเล่นที่อาจเอาเข้าปาก หรือสัมผัสสารคัดหลั่งด้วยสบู่หรือผงซักฟอก  สำหรับพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อมาก ให้ใช้น้ำยาคลอร็อกซ์ หรือน้ำยาฟอกขาว 0.5 - 1%

ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก สายพันธุ์ 71 ป้องกันการติดเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรครุนแรง แต่วัคซีนไม่สามารถป้องกันไวรัสชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก ได้  ฉีดในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี 11 เดือน โดยฉีด 2 เข็ม ระยะห่างกัน 1 เดือน

ขอบคุณข้อมูลจาก พญ.วรพร พุ่มเล็ก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E


ค้นหาแพทย์

สาระสุขภาพ

ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง