
ภาวะตาแห้ง (Dry eye)
ภาวะตาแห้ง (Dry eye) เป็นภาวะที่มีปริมาณน้ำตาหล่อเลี้ยงผิวตาไม่เพียงพอ สาเหตุหลักมาจากการสร้างน้ำตาน้อยลงหรือน้ำตาระเหยมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการอักเสบของผิวตา ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย อาการตาแห้งหากปล่อยให้เป็นบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดแผลที่กระจกตา กระจกตาไม่เรียบใส ผิวกระจกตาอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อ และอาจจะร้ายแรงจนสูญเสียการมองเห็นได้
สาเหตุของอาการตาแห้ง
- ผู้ป่วยมีโรคบางอย่าง เช่น Sjogren's Syndrome หรือโรคแพ้ภูมิตนเอง โดยผู้ป่วยมีภูมิต่อต้านเนื้อเยื่อของตาเอง และเกิดการอักเสบเรื้อรังของต่อมน้ำตา
- ระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เนื่องจากอายุมากขึ้นเซลล์เยื่อบุตาจะสร้างน้ำตาลดลง
- ยาหยอดตาบางชนิด และการใช้ยาบางอย่าง ซึ่งการรับประทานยาที่มีผลข้างเคียงทำให้การสร้างน้ำตาลดลง เช่น ยาแก้แพ้ ยาคลายเครียด
- ความผิดปกติของเปลือกตา หรือเส้นประสาทเปลือกตาทำให้หลับตาไม่สนิท มีการกระพริบตาที่ผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคระบบเส้นประสาทและสมอง
- ใช้สายตาเป็นเวลานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้โทรศัพท์มือถือ
- ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่มีคุณภาพ
- ภูมิแพ้ที่ตา หรือเยื่อตาอักเสบเรื้อรัง
- มีประวัติเคยเลเซอร์ที่กระจกตาเพื่อแก้ไขค่าสายตา (LASIK) หรือผ่าตัดที่ตา
- ดื่มน้ำน้อย
- อยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อน ลมแรง หรืออยู่ในห้องปรับอากาศที่มีความชื้นต่ำ
อาการตาแห้ง
- ระคายเคืองตา เหมือนมีเศษฝุ่นอยู่ในตาตลอดเวลา
- แสบตา
- ตาพร่ามัว
- น้ำตาไหล
- มีขี้ตาเป็นเมือกเหนียว
- อาจรู้สึกปวดกระบอกตา และปวดศีรษะได้
การดูแลและป้องกันตาแห้ง
- หากจำเป็นต้องใช้สายตานาน ๆ ควรพักสายตาทุก 20 นาที ด้วยการหลับตาหรือมองระยะไกลที่ 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที เรียกว่ากฎ 20-20-20 Rule
- กะพริบตาบ่อย ๆ ให้มีน้ำตาเคลือบตาตลอดเวลา
- หากรู้สึกระคายเคืองตา ควรหยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ความชุ่มชื่นแก่ดวงตา
- ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- ผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้เป็นประจำ อาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมช่วย
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- ควรสวมแว่นกันแดดหรือกันลม หากจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่อากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมพัดแรง
- รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น ผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารทะเลที่มีกรดไขมันที่จำเป็น หรือโอเมก้า-3
- ประคบตาด้วยน้ำอุ่น นวดและฟอกทำความสะอาดเปลือกตา เพื่อกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่บริเวณขอบเปลือกตา ช่วยลดการเกิดต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน ซึ่งเป็นเหตุทำให้เปลือกตาอักเสบเรื้อรัง และตาแห้ง
หมายเหตุ กรณีที่ยังมีอาการตาแห้งบ่อย ๆ หากไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดหรืออาการไม่บรรเทาลง แนะนำให้รีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ข้อมูลจาก : พญ. บัณฑิตา เลิศสุวรรณโรจน์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา ชั้น 4 โซน A
ภาวะตาแห้ง (Dry eye) เป็นภาวะที่มีปริมาณน้ำตาหล่อเลี้ยงผิวตาไม่เพียงพอ สาเหตุหลักมาจากการสร้างน้ำตาน้อยลงหรือน้ำตาระเหยมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการอักเสบของผิวตา ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย อาการตาแห้งหากปล่อยให้เป็นบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดแผลที่กระจกตา กระจกตาไม่เรียบใส ผิวกระจกตาอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อ และอาจจะร้ายแรงจนสูญเสียการมองเห็นได้
สาเหตุของอาการตาแห้ง
- ผู้ป่วยมีโรคบางอย่าง เช่น Sjogren's Syndrome หรือโรคแพ้ภูมิตนเอง โดยผู้ป่วยมีภูมิต่อต้านเนื้อเยื่อของตาเอง และเกิดการอักเสบเรื้อรังของต่อมน้ำตา
- ระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เนื่องจากอายุมากขึ้นเซลล์เยื่อบุตาจะสร้างน้ำตาลดลง
- ยาหยอดตาบางชนิด และการใช้ยาบางอย่าง ซึ่งการรับประทานยาที่มีผลข้างเคียงทำให้การสร้างน้ำตาลดลง เช่น ยาแก้แพ้ ยาคลายเครียด
- ความผิดปกติของเปลือกตา หรือเส้นประสาทเปลือกตาทำให้หลับตาไม่สนิท มีการกระพริบตาที่ผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคระบบเส้นประสาทและสมอง
- ใช้สายตาเป็นเวลานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้โทรศัพท์มือถือ
- ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่มีคุณภาพ
- ภูมิแพ้ที่ตา หรือเยื่อตาอักเสบเรื้อรัง
- มีประวัติเคยเลเซอร์ที่กระจกตาเพื่อแก้ไขค่าสายตา (LASIK) หรือผ่าตัดที่ตา
- ดื่มน้ำน้อย
- อยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อน ลมแรง หรืออยู่ในห้องปรับอากาศที่มีความชื้นต่ำ
อาการตาแห้ง
- ระคายเคืองตา เหมือนมีเศษฝุ่นอยู่ในตาตลอดเวลา
- แสบตา
- ตาพร่ามัว
- น้ำตาไหล
- มีขี้ตาเป็นเมือกเหนียว
- อาจรู้สึกปวดกระบอกตา และปวดศีรษะได้
การดูแลและป้องกันตาแห้ง
- หากจำเป็นต้องใช้สายตานาน ๆ ควรพักสายตาทุก 20 นาที ด้วยการหลับตาหรือมองระยะไกลที่ 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที เรียกว่ากฎ 20-20-20 Rule
- กะพริบตาบ่อย ๆ ให้มีน้ำตาเคลือบตาตลอดเวลา
- หากรู้สึกระคายเคืองตา ควรหยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ความชุ่มชื่นแก่ดวงตา
- ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- ผู้ที่รับประทานยาแก้แพ้เป็นประจำ อาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมช่วย
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- ควรสวมแว่นกันแดดหรือกันลม หากจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่อากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมพัดแรง
- รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น ผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารทะเลที่มีกรดไขมันที่จำเป็น หรือโอเมก้า-3
- ประคบตาด้วยน้ำอุ่น นวดและฟอกทำความสะอาดเปลือกตา เพื่อกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่บริเวณขอบเปลือกตา ช่วยลดการเกิดต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน ซึ่งเป็นเหตุทำให้เปลือกตาอักเสบเรื้อรัง และตาแห้ง
หมายเหตุ กรณีที่ยังมีอาการตาแห้งบ่อย ๆ หากไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดหรืออาการไม่บรรเทาลง แนะนำให้รีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ข้อมูลจาก : พญ. บัณฑิตา เลิศสุวรรณโรจน์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ตา ชั้น 4 โซน A