ไข้หวัดใหญ่ ป้องกันลูกน้อยได้ด้วยวัคซีน (Influenza Vaccine)
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจแบบฉับพลัน พบได้บ่อยในประชากรทุกกลุ่มอายุ สาเหตุมาจากการติดเชื้อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ทำให้มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีไข้สูง ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย ในบางรายมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจ ในบางรายอาจเสียชีวิตได้ หลังจากหายป่วยแล้วร่างกายอาจมีอาการอ่อนเพลียติดต่อกันไปอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้นการป้องกันโรคด้วยการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงมีความสำคัญ ช่วยลดอัตราป่วยและลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคได้
ใครควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่?
ลูกน้อยและทุกคนในครอบครัวควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรครุนแรง ได้แก่
- เด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง 2ปี
 - หญิงตั้งครรภ์
 - ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
 - ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรัง (รวมโรคหืด) หัวใจ ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย มะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อ HIV
 - ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
 - โรคอ้วนที่มีน้ำหนักมากว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 kg/m2
 
ควรรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เมื่อไรดี?
- การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มีตลอดทั้งปี แต่ในประเทศไทยการระบาดสูงในช่วงฤดูฝนและต้นปี แนะนำให้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในช่วง เมษายน – พฤษภาคม ก่อนการระบาดในช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ตามสามารถรับวัคซีนได้ตลอดทั้งปี
 
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ต้องได้รับทุกปีหรือไม่?
- ต้องได้รับซ้ำทุก 1 ปี เพื่อป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ การผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ละปีจะมีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนแปลง
 - นอกจากนี้ ภูมิคุ้มกันโรคจากการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะลดลงตามธรรมชาติหลังจาก 6-12 เดือนไปแล้ว ดังนั้นจึงควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
 - สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 9 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนเป็นครั้งแรก ให้รับทั้งหมด 2 ครั้ง โดยห่างกัน 1 เดือน หลังจากนั้นให้รับซ้ำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
 
ในปัจจุบันวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มี 2 ชนิด คือ วัคซีนชนิดฉีดแบบเดิม และวัคซีนแบบใหม่ชนิดพ่นทางจมูก
- วัคซีนชนิดฉีด เป็นวัคซีนเชื้อไม่มีชีวิต (inactivated influenza vaccine) ใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
 - วัคซีนชนิดพ่นทางจมูก เป็นวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิตอ่อนฤทธิ์ (live-attenuated influenza vaccine) ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 2-49 ปี โดยการพ่นทางจมูกสองข้าง
 
ข้อดี เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่ที่จมูกซึ่งเป็นด่านแรกที่ไวรัสเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากไม่ต้องฉีดทำให้เพิ่มการยอมรับวัคซีนได้มากขึ้น
ข้อแตกต่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ละชนิด

ข้อห้ามใช้ของวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ละชนิด

อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีความปลอดภัยสูง มีการใช้มาอย่างยาวนานแล้วทั่วโลก โดยมีข้อมูลยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน
 - ผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการเฉพาะที่ มักไม่รุนแรง เช่น ไข้ ปวดเมื่อยตัว อาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด สำหรับวัคซีนชนิดพ่นจมูก อาจมีอาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล สามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน
 - สำหรับการแพ้แบบรุนแรงพบน้อยมาก หากเกิดขึ้นจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมง โดยมีอาการ ผื่นลมพิษ บวมรอบตาหรือริมฝีปาก หายใจลำบาก หน้ามืด เป็นลม อย่างไรก็ตามภายหลังรับวัคซีน ควรสังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 30 นาที
 
การป้องกันไข้หวัดใหญ่ทำอย่างไรได้บ้าง?
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อช่วยลดการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราตาย นอกจากนี้คือการใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากเวลาไอจาม ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใช้มือขยี้ตาหรือเอามือเข้าปาก หมั่นทำความสะอาดของเล่นลูก เพียงเท่านี้ลูกน้อยก็จะปลอดภัยจากโรคได้
ขอบคุณข้อมูลจาก พญ.วรพร พุ่มเล็ก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E
บทความที่เกี่ยวข้อง
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจแบบฉับพลัน พบได้บ่อยในประชากรทุกกลุ่มอายุ สาเหตุมาจากการติดเชื้อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ทำให้มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ มีไข้สูง ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย ในบางรายมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจ ในบางรายอาจเสียชีวิตได้ หลังจากหายป่วยแล้วร่างกายอาจมีอาการอ่อนเพลียติดต่อกันไปอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้นการป้องกันโรคด้วยการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงมีความสำคัญ ช่วยลดอัตราป่วยและลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคได้
ใครควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่?
ลูกน้อยและทุกคนในครอบครัวควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรครุนแรง ได้แก่
- เด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง 2ปี
 - หญิงตั้งครรภ์
 - ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
 - ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรัง (รวมโรคหืด) หัวใจ ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย มะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อ HIV
 - ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
 - โรคอ้วนที่มีน้ำหนักมากว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 kg/m2
 
ควรรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เมื่อไรดี?
- การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่มีตลอดทั้งปี แต่ในประเทศไทยการระบาดสูงในช่วงฤดูฝนและต้นปี แนะนำให้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในช่วง เมษายน – พฤษภาคม ก่อนการระบาดในช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ตามสามารถรับวัคซีนได้ตลอดทั้งปี
 
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ต้องได้รับทุกปีหรือไม่?
- ต้องได้รับซ้ำทุก 1 ปี เพื่อป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ การผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ละปีจะมีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนแปลง
 - นอกจากนี้ ภูมิคุ้มกันโรคจากการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะลดลงตามธรรมชาติหลังจาก 6-12 เดือนไปแล้ว ดังนั้นจึงควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
 - สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 9 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนเป็นครั้งแรก ให้รับทั้งหมด 2 ครั้ง โดยห่างกัน 1 เดือน หลังจากนั้นให้รับซ้ำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
 
ในปัจจุบันวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มี 2 ชนิด คือ วัคซีนชนิดฉีดแบบเดิม และวัคซีนแบบใหม่ชนิดพ่นทางจมูก
- วัคซีนชนิดฉีด เป็นวัคซีนเชื้อไม่มีชีวิต (inactivated influenza vaccine) ใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
 - วัคซีนชนิดพ่นทางจมูก เป็นวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิตอ่อนฤทธิ์ (live-attenuated influenza vaccine) ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 2-49 ปี โดยการพ่นทางจมูกสองข้าง
 
ข้อดี เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่ที่จมูกซึ่งเป็นด่านแรกที่ไวรัสเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากไม่ต้องฉีดทำให้เพิ่มการยอมรับวัคซีนได้มากขึ้น
ข้อแตกต่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ละชนิด

ข้อห้ามใช้ของวัคซีนไข้หวัดใหญ่แต่ละชนิด

อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีความปลอดภัยสูง มีการใช้มาอย่างยาวนานแล้วทั่วโลก โดยมีข้อมูลยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน
 - ผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการเฉพาะที่ มักไม่รุนแรง เช่น ไข้ ปวดเมื่อยตัว อาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด สำหรับวัคซีนชนิดพ่นจมูก อาจมีอาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล สามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน
 - สำหรับการแพ้แบบรุนแรงพบน้อยมาก หากเกิดขึ้นจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมง โดยมีอาการ ผื่นลมพิษ บวมรอบตาหรือริมฝีปาก หายใจลำบาก หน้ามืด เป็นลม อย่างไรก็ตามภายหลังรับวัคซีน ควรสังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 30 นาที
 
การป้องกันไข้หวัดใหญ่ทำอย่างไรได้บ้าง?
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อช่วยลดการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรค ลดอัตราตาย นอกจากนี้คือการใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากเวลาไอจาม ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใช้มือขยี้ตาหรือเอามือเข้าปาก หมั่นทำความสะอาดของเล่นลูก เพียงเท่านี้ลูกน้อยก็จะปลอดภัยจากโรคได้
ขอบคุณข้อมูลจาก พญ.วรพร พุ่มเล็ก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E
บทความที่เกี่ยวข้อง
                    
    
                                                
                                                
                                                
                                                

